กลุ่มอดีตพนักงาน Facebook ชี้ การนิ่งเฉยต่อโพสต์ทรัมป์ คือความขี้ขลาด ขอให้ทบทวนใหม่

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 5 มิถุนายน 2020.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    กลุ่มอดีตพนักงาน Facebook ที่อยู่มาตั้งแต่ยุคแรกๆ เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ต่อกรณีที่ Facebook นิ่งเฉยต่อโพสต์ที่ส่อไปในทางส่งเสริมความรุนแรงของ โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน. สหรัฐฯ โดยมีคนลงนามราว 34 คน

    โดยเนื้อหาในจดหมายขอให้มาร์ค และผู้บริหารในบริษัททบทวนมาตรการเสียใหม่ เริ่มจากพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงจากโพสต์นักการเมือง และติดป้ายกำกับว่าเป็นเนื้อหาอันตรายให้ชัดเจน ในฐานะที่พวกเขาเคยทำงานที่ Facebook และร่วมสร้างมาตรฐานชุมชนที่สนับสนุนการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพในการแสดงออก เว้นแต่มันจะก่อให้เกิดอันตรายตามมา แม้พวกเขาจะไม่ใช่คนที่ทำงานใน Facebook อีกต่อไปแล้ว แต่พวกเขาก็ภูมิใจในสิ่งที่สร้างมา และไม่คิดปฏิเสธความรับผิดชอบ จึงต้องออกมาพูด

    เริ่มจาก Facebook บอกว่าจะไม่ทำตัวเป็นผู้ตัดสินข้อเท็จจริง ไม่เซนเซอร์คำพูดนักการเมือง สิ่งนี้ขัดกับหลักการที่ Facebook ที่อ้างว่าจะมอบกระบอกเสียงให้ประชาชน เพราะกลายเป็นว่ามันไปมอบกระบอกเสียงให้คนมีอำนาจแทน ซึ่งไม่ใช่จุดยืนเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก แต่แสดงถึงความขี้ขลาด

    [​IMG]

    เริ่มจาก Facebook บอกว่าจะไม่ทำตัวเป็นผู้ตัดสินข้อเท็จจริง ไม่เซนเซอร์คำพูดนักการเมือง สิ่งนี้ขัดกับหลักการที่ Facebook ที่อ้างว่าจะมอบกระบอกเสียงให้ประชาชน เพราะกลายเป็นว่ามันไปมอบกระบอกเสียงให้คนมีอำนาจแทน ซึ่งไม่ใช่จุดยืนเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก แต่แสดงถึงความขี้ขลาด

    การโพสต์ของประธานาธิบดีทรัมป์ไม่เพียงแต่คุกคามและส่งเสริมความรุนแรงของรัฐต่อประชาชน แต่ยังส่งสัญญาณไปยังผู้คนนับล้านที่รับการชี้นำจากประธานาธิบดี ซึ่งการนิ่งเฉยนี่ไม่ใช่ความคิดที่เป็นกลาง การตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่ใช่การเซ็นเซอร์ การปิดป้ายโพสต์ที่เรียกร้องความรุนแรงไม่ใช่อำนาจนิยม กลุ่มอดีตพนักงาน Facebook จึงเรียกร้องให้พิจารณามาตรการต่อโะสต์ของนักการเมืองเสียใหม่

    อ่านเพิ่ม

    • ทรัมป์ออกคำสั่งบริหารละเว้นกฎคุ้มครองโซเชียลมีเดีย ภายในวันเดียวหลังโดนทวิตเตอร์แปะป้าย fact-check
    • โดนไปอีกโพสต์ ทวิตเตอร์ซ่อนโพสต์ของทรัมป์ ด้วยเหตุผลสนับสนุนความรุนแรง
    • Facebook ยืนยัน ไม่ลบ-ซ่อนโพสต์ของ Trump แบบเดียวกับ Twitter เพราะไม่ผิดกฎ

    ที่มา - The New York Times

    Topics: FacebookDonald Trump
     

แบ่งปันหน้านี้