พล.อ.อุดมเดช ไม่หนักใจ ยังมีคนเห็นต่าง รบ.-คสช. เชื่อไม่รุนแรง ลงพื้นที่กองทัพภาค 2 รับฟังข้อคิดเห็น ให้กำลังใจกำลังพล โต้ข่าวบีบไทยพีบีเอส ยันไม่ได้สั่งให้ยุติการออกอากาศ แจงเหตุวิสามัญคนร้ายวานนี้ ยันเจ้าหน้าที่มีความจำเป็น ย้ำไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมกองกำลังในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ว่า ไม่มีความหนักใจสำหรับบุคคลที่ยังมีความเห็นต่างกับการทำงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งที่ผ่านมาสถานการณ์ก็ไม่ได้รุนแรง ยังสามารถพูดคุยทำความเข้าใจกันได้ และการเดินทางไปในครั้งนี้จะไปรับฟังการปฏิบัติงานของกองกำลังพลในพื้นที่ รับฟังข้อคิดเห็น และเน้นย้ำการปฏิบัติงาน รวมถึงให้กำลังใจแก่กำลังพลที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ นอกจากนี้ พลเอก อุดมเดช ยังกล่าวว่า ในการเดินทางไปครั้งนี้จะเน้นย้ำให้ทุกหน่วยร่วมมือทำงานกับกระทรวงต่าง ๆ โดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการหยุดขบวนการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า และกระทรวงมหาดไทย ในส่วนของศูนย์ดำรงธรรมและการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ พลเอก อุดมเดช ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าไปกดดันให้ผู้บริหารสถานีไทยพีบีเอสให้ยุติการออกอากาศเสียงประชาชนที่ต้องฟังก่อนปฏิรูป เนื่องจากไม่พอใจวิธีตั้งคำถามของ นางสาวณาตยา แวววีรคุปต์ ผู้ดำเนินรายการ ว่า ไม่ได้สั่งให้ยุติการออกอากาศ แต่เมื่อมีการตรวจสอบแล้วพบว่าการจัดเวทีในลักษณะดังกล่าวหากมีการนำไปสู่การสร้างความแตกแยกก็มีความจำเป็นที่จะต้องพูดคุยทำความเข้าใจกัน ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 57 สื่อทุกสำนักก็ได้ให้ความร่วมมือมาดีโดยตลอด แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังคงมีปัญหาบ้าง แต่ก็ได้พยายามทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ พลเอก อุดมเดช ได้ขอให้ผู้บริหารและสื่อมวลชนเข้าใจการทำงานของทหารและให้ความร่วมมือในการสร้างบรรยาการปรองดองสมานฉันท์เพื่อนำไปสู่การปฏิรูป พลเอก อุดมเดช ยังกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานีที่ 24 (ฉก.ปัตตานี 24) ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 (ฉก.ทพ.43) และชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษสนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านไม่มีเลขที่ในพื้นที่ บ.บาโงนากอ ม.3 ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวานนี้ และได้เกิดการปะทะกันขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ได้วิสามัญคนร้ายเสียชีวิตจำนวน 2 ราย ว่า เป็นไปตามข่าวที่ได้เสนอออกไป ซึ่งเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าว เนื่องจากบุคคล 2 คนนั้น มีหมายจับของทางราชการและมีการต่อสู้กับทางเจ้าหน้าที่ แต่ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ต้องการให้เกิดความรุนแรงในลักษณะดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นทุกครั้งในพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีการนำเหตุการณ์เหล่านั้นมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุและแนวทางการแก้ไขการป้องกันอยู่ตลอด