นายกรัฐมนตรี แจงผ่านคืนความสุขไปประชุมเอเปก-อาเซียน ย้ำนานาชาติ ไทย มีประชาธิปไตย พร้อมแสวงหาความร่วมมือพัฒนาด้านเศรษฐกิจ เร่งคุยรถไฟรางคู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า เนื่องในโอกาสวันที่ 14 พฤศจิกายน เป็นวันรำลึกพระบิดาฝนหลวง จึงขอเชิญชวนคนไทย ร่วมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่คิดค้นโครงการฝนหลวง ช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนทั่วทุกภูมิภาค ตลอดจนขอให้คนไทยทั่วประเทศช่วยกันตั้งจิตอธิษฐานให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหายจากอาการพระะชวรโดยเร็ว จากนั้นก็ได้กล่าวถึงการเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเข้าร่วมประชุมเอเปก ที่ประเทศจีน ในระหว่างวันที่ 9-11พฤศจิกายน และผู้นำอาเซียน ในวันที่ 12-13 ที่ประเทศเมียนมาร์ ซึ่งได้มีการกระชับความสัมพันธ์ และพัฒนาความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจในหลายประการ มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนทำความเข้าใจกับนานาชาติ ว่าประเทศไทยยังมีความเป็นประชาธิปไตย และกำลังแสวงหาความร่วมมือจากนานาชาติ ในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ ซึ่งไทยพร้อมต้อนรับนักลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก อาทิโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้ารางคู่ และเรื่องสิ้นค้าทางการเกษตร นายกฯแจงจีนรับซื้อข้าวยางพาราผลไม้-เร่งคุยรถไฟรางคู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า ในการเข้าร่วมประชุมเอเปก ที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นเวทีที่มีความสำคัญมาก เพราะไทยมีมูลค่าทางการค้าในกลุ่มเอเปกสูงถึง 70% และได้มีการหยิบยกเรื่องการเปิดเขตการค้าเสรีเข้ามาหารือเพื่อหวังผลในการเดินหน้าความร่วมมือด้านการค้า ในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค และการรับมือภัยคุกคามต่างๆ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงถึงการหารือกับ นายสี จิ้น ผิง ผู้นำจีนว่า เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งผู้นำจีนยกย่องความสัมพันธ์กับไทย ในขั้นมหามิตร พร้อมกับตอบรับในการรับซื้อสินค้าทางการเกษตรของไทย ทั้งข้าว ยางพารา และผลไม้ด้วย รวมถึงสนใจร่วมลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้ารางคู่ด้วย และตนเองก็ได้เชิญชวนนักลงทุนของจีนเข้ามาลงทุนด้วย โดยเฉพาะในด้านพลังงาน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวด้วยว่า ได้หารือกับ นายบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ที่แสดงความเป็นห่วงในสถานการณ์ในไทย เช่นเดียวกับ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งตนเองก็ได้ยืนยันไปแล้วว่า ไทยเริ่มมีความเรียบร้อยมากขึ้น และย้ำไปว่า ในเรื่องของการลงทุน จะต้องไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด นายกฯมั่นใจอาเซียนตอบรับดี-รับห่วง6จ.ใต้น้ำท่วม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า ตลอดการประชุมผู้นำอาเซียน ที่เมียนมาร์ได้รับไมตรีจิตจากมิตรประเทศเป็นอย่างดี และไทยยังคงมีบทบาสำคัญในการขับเคลื่อนอาเซียนเหมือนเดิม โดยมีงานสำคัญที่จะต้องเร่งขับเคลื่อน คือการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปีหน้า ตลอดจนการกำหนดวิสัยทัศน์ในอีก 10 ปีข้างหน้า ที่มุ่งเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง ลดความยากจน และแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลที่กำลังดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วม 6 จังหวัดภาคใต้ โดยระบุว่า การแก้ปัญหาต้องทำตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เพราะที่ผ่านมาประสบปัญหาน้ำท่วม-แล้งซ้ำซาก พร้อมกับขู่จะลงโทษผู้รับผิดชอบโครงการบริหารจัดการน้ำ ทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ หากลงไปตรวจพื้นที่แล้วพบความบกพร่อง รวมถึงขอความร่วมมือจากข้าราชการทุกคนอย่าทุจริต คอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาด และหากพบจะลงโทษอย่างเด็ดขาด นายกฯ ย้ำปรองดองไม่เกี่ยวคดี - ลั่นต้องไม่มีคอร์รัปชั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า กระบวนการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ กำลังเดินหน้าไปด้วยดี และไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งกันอีก โดยต้องขอร้องคนไทยทุกคนว่าเรามีความขัดแย้งมานาน อยากเห็นคนไทยเสียสละ ลด ละ เลิก ความขัดแย้ง เลิกต่อสู้กันเอง แต่ยืนยันกระบวนการปรองดองไม่เกี่ยวข้องกับคดีความที่ต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม อย่านำทั้ง 2 เรื่องมาปะปนกัน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้ติดตามความคืบหน้าการทำงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูป เพื่อจะได้เข้าใจกระบวนการเดินหน้าของประเทศได้อย่างถูกต้อง เข้าใจเนื้อหาที่แท้จริง รวมถึงฝากถึงสื่ออย่าพาดหัวเพื่อความเร้าใจอย่างเดียว แต่ให้เน้นไปที่เนื้อหา ถูกต้องมากกว่า เช่นการเขียนลอย ๆ ว่ามีการเรียกเก็บใต้โต๊ะ 50% นั้นเสียหายจริง ๆ ทั้งต่อรัฐบาล คสช. และจะต้องมีการตรวจสอบต่อไป ก่อนจะทิ้งท้ายแบบดุดันว่า ไม่กลัวหรอกว่าจะพังเพราะเพื่อน หรือพี่ ใครทุจริตส่งหลักฐานมาจะจัดการหมด