นายกหนุนสหรัฐฯเข้ามามีบทบาทอาเซียนสร้างสันติภาพ

หัวข้อกระทู้ ใน 'การเมือง' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 13 พฤศจิกายน 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    [​IMG]

    นายกรัฐมนตรี หนุนสหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ หนุนอาเซียน เสริมสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค พร้อมเสนออาเซียน+3 ร่วมมือเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางอาหาร


    พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 2 ร่วมกับผู้นำชาติอาเซียน เลขาธิการอาเซียน และ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยการประชุมครั้งนี้ จะทบทวนพัฒนาการความร่วมมือ และกำหนดทิศทางความร่วมมือในอนาคต รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ซึ่งภายหลังการประชุม ผู้นำได้ให้การรับรองร่างถ้อยแถลงว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (ASEAN - U.S. Joint Statement on Climate Change)

    ภายหลังการเข้าร่วมการประชุม ร้อยเอก นายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเข้าร่วมการประชุมของประธานาธิบดีโอบามา ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ได้สะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับอาเซียนและภูมิภาคนี้อย่างยิ่ง

    โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาเซียนและสหรัฐฯ เห็นพ้องที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อย่างแท้จริง ไทยเป็นพันธมิตรที่ยาวนานของสหรัฐฯ และเห็นถึงความสำคัญของบทบาทของสหรัฐฯ ในการรักษาเสถียรภาพและเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค

    ทั้งนี้ ไทยสนับสนุนการเข้ามามีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาค โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ เห็นความสำคัญถึงบทบาทอันเป็นแกนกลางของอาเซียนในการเสริมสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค

    อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน ไทยมองว่า บทบาทของสหรัฐฯ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาคนี้ รวมทั้ง ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศมหาอำนาจในภูมิภาค เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศความมั่นคงที่ดีและเอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาค



    นายกฯเสนอสหรัฐฯช่วยยกระดับการพัฒนาด้านเกษตร

    พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เสนอข้อคิดเห็นบางประการ ในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 2 ว่า ความมั่นคงของภูมิภาคจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่า สหรัฐฯ สามารถมีบทบาทในการช่วยยกระดับการพัฒนาของประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึงการลดช่องว่างด้านการพัฒนา

    โดยอาจเน้นการพัฒนาภาคเกษตร แต่ภาคเกษตรยังไม่ได้รับผลประโยชน์เท่าที่ควรจากการเปิดเสรีและการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ดังนั้น จึงจำเป็นที่เราจะต้องร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคเกษตร โดยการเปิดตลาดส่งออก การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร

    นอกจากนี้ เสนอให้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงของมนุษย์ ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง รวมถึงการจัดการกับปัญหาการค้ามนุษย์เป็นประเด็นที่ต้องร่วมดำเนินการ ไทยจึงสนับสนุนความร่วมมือกับอาเซียนและประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข่าวสารเพื่อจัดการปัญหาการค้ามนุษย์ให้มีผลสำเร็จ สหรัฐฯ สามารถเสริมสร้างขีดความสามารถให้กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของอาเซียน ผ่านสถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศต่างๆ



    นายกฯทวิภาคีผู้นำเกาหลีใต้กระชับความร่วมมือการค้า

    พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือทวิภาคีกับ นางสาวปัก กึน-ฮเย ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี โดยภายหลังการหารือ ร้อยเอก นายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการหารือ ว่า นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้พบกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี และแสดงความชื่นชมนโยบายเศรษฐกิจ และความเป็นผู้นำในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลี

    ทั้งนี้ ไทยกับเกาหลีใต้มีความสัมพันธ์ยาวนาน รู้สึกภูมิใจที่ทหารไทยได้มีโอกาสรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารเกาหลี ซึ่งประธานาธิบดีเกาหลีได้ กล่าวขอบคุณไทยในเรื่องดังกล่าว โดยไทยและเกาหลีเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 และนายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลปัจจุบันจะมุ่งมั่นที่จะเดินหน้ากระชับความร่วมมือตามแนวคิดนี้ต่อไป โดยผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์กับเกาหลี ทั้งในเรื่องของการค้า การลงทุน และการใช้ความเป็นหุ้นส่วนนี้ไปพัฒนาภูมิภาคร่วมกัน

    อย่างไรก็ตาม ผู้นำทั้งสองจะได้มีโอกาสพบปะกันอีกครั้งในการประชุมสุดยอดอาเซียนเกาหลีสมัยพิเศษ ที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม ณ สาธารณรัฐเกาหลี



    นายกฯทวิภาคีผู้นำญี่ปุ่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

    ร้อยเอก นายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการหารือทวิภาคีระหว่าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระหว่างการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 ที่กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ว่า ผู้นำทั้งสองกล่าวทักทายและยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง โดยในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้สอบถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งระบบราง ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยได้แจ้งให้ญี่ปุ่นรับทราบว่า ขณะนี้ ไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาระบบรางทั้ง 3 ระบบ ได้แก่ การสร้างรถไฟรางมาตรฐานเดิม โครงการรถไฟมาตรฐานใหม่ และรถไฟความเร็วสูง ว่าระบบใดมีความจำเป็นและคุ้มค่าในด้านการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของไทยมากที่สุด

    ด้าน นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า ภาคเอกชนของญี่ปุ่นมีความสนใจที่จะเข้ามาร่วมในโครงการดังกล่าว ซึ่งทางฝ่ายไทยไม่ขัดข้องและจะแจ้งให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นและภาคเอกชนจากประเทศอื่นที่สนใจทราบ หลังจากมีการพิจารณาโครงการดังกล่าว โดยในชั้นนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศเห็นตรงกันว่า ระหว่างนี้ควรให้หน่วยงานด้านคมนาคมของสองประเทศได้หารือร่วมกันในเบื้องต้นก่อน

    นอกจากนี้ มีการหารือเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันมีคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ภายหลังมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวไทย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอยากให้มีการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้รับปากที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ให้



    ไทยเสนออาเซียน+3ร่วมมือเสริมแข็งแกร่งศก.

    พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม โดยกล่าวว่า กรอบความร่วมมืออาเซียน+3 เป็นกรอบความร่วมมือสำคัญของภูมิภาค โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลก และต้องรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ อาทิ อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยพิบัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และโรคระบาด

    ขณะเดียวกัน ความร่วมมืออาเซียน+3 จะมีความสำคัญยิ่งในการช่วยสนับสนุนการสร้างประชาคมอาเซียนที่เข้มแข็ง เพื่อปูทางไปสู่ประชาคมเอเชียตะวันออกในอนาคตเพื่อบรรลุเป้าหมายในการส่งเสริมความร่วมมือในกรอบอาเซียนบวกสามให้ยั่งยืน นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือ 3 ประการ ประกอบด้วย การระดมเงินทุนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของภูมิภาค, เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร และการรับมือภัยคุกคามข้ามแดนในรูปแบบต่างๆ

    ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไทยมีความมุ่งมั่นในการผลักดันกรอบความร่วมมืออาเซียน+3 อย่างเต็มที่ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนของเรา และบรรลุการเป็นประชาคมเอเชียตะวันออกที่สงบสุข เจริญรุ่งเรือง และมีความก้าวหน้า
     

แบ่งปันหน้านี้