เลขาธิการ ปปช. เผย มติที่ประชุม ส่งสำนวน 38 อดีต ส.ว. ให้ สนช. พิจารณาถอดถอน ยืนยัน มีอำนาจตาม รธน. ชั่วคราว นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาสำนวนคดีถอดถอนอดีตสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 38 ราย ในกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมิชอบ ประเด็นที่มาวุฒิสภาว่า ที่ประชุมมีมติเสียงข้างมากให้ส่งรายงานการไต่สวนขอเท็จจริงพร้อมเอกสาร และความเห็นในคดีดังกล่าวไปยังประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า แม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 จะสิ้นสุดลง แต่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีประกาศ ฉบับที่ 24/2557 ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ยังมีผลบังคับอยู่ อีกทั้ง มาตรา 6 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ได้บัญญัติให้ สนช. ทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา ซึ่ง สนช. ได้ตราข้อบังคับการประชุม สนช. พ.ศ.2557 กำหนดให้ สนช. มีอำนาจหน้าที่ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. ได้ อย่างไรก็ตาม รายชื่อจำนวน38 รายที่ปป.ช.มีมติส่งสนช.ให้พิจารณาถอดถอน พบว่ามีรายชื่อผู้ที่เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปหรือสปช.จำนวน2รายคือ นายดิเรก ถึงฝั่ง ผู้ถูกกล่าวหาลำดับที่265และพันโทตำรวนจิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ ผู้ถูกกล่าวหาลำดับที่278 และรายชื่อผู้ที่เป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือสนช.คือพลตรีกลชัย สุวรรณบูรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาลำดับที่285