ศูนย์วิจัยทองคำ แนะจับตา"สหรัฐ" หากขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินคาด กดราคาทองคำหลุด 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ทิศทางราคาทองคำยังเป็นขาลงต่อเนื่อง ในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยราคาทองมีโอกาสปรับตัวลดลงไปต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือแปลงเป็นเงินบาทไทยที่ 15,500 บาทต่อบาททองคำ หากปีหน้าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วและรุนแรงกว่าปกติ "ปัจจัยสำคัญที่อาจช่วยค้ำไม่ให้สหรัฐปรับตัวขึ้นดอกเบี้ยได้เร็ว คือ การอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางญี่ปุ่น เพราะหากทั้ง 2 ประเทศ ยังเพิ่มน้ำหนักการอัดเงินเข้าระบบ อาจทำให้ค่าเงินสหรัฐแข็งค่าต่อเนื่องได้" นายกมลธัญ กล่าว แม้ช่วงที่ผ่านมาหลายคนมองว่า ต้นทุนหน้าเหมืองทองคำที่ 1,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะเป็นตัวค้ำราคาทองคำ แต่ความเป็นจริง ต้นทุนหน้าเหมืองทองคำอีกหลายเหมืองมีต้นทุนต่ำกว่านั้น จึงมีโอกาสที่ราคาทองจะปรับตัวลดลงไปอีกได้ นอกจากนี้ราคาทองที่ปรับตัวลดลง ยังส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าปรับตัวลดลงเหลือ 5,000 สัญญาต่อวัน จากเดิมมีปริมาณการซื้อขาย 15,000 สัญญา จึงมีผลให้นักลงทุนบางส่วน ถูกเรียกวางหลักประกันเพิ่มเติม แต่ยังเป็นสัญญาณดีที่ไม่มีการบังคับขาย ส่วนการนำเข้าทองคำในปีนี้ เมื่อเทียบกับปีก่อน มีทิศทางปรับลดลงเช่นกัน เพราะนักลงทุนได้ซื้อขายไปแล้วช่วงก่อนหน้า และกังวลว่าราคาทองอาจปรับตัวลดลงไปอีก นายกมลธัญ กล่าวต่อว่า ความเชื่อมั่นราคาทองคำในเชิงลบดังกล่าว ยังสะท้อนให้เห็นจากการทำการสำรวจดัชนีราคาทองคำ ในเดือน พ.ย. ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 46.77 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 8.10 จุด หรือ 20.94% แม้ดัชนีปรับเพิ่มขึ้น แต่ยังมีมุมมองต่อราคาทองคำจะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เช่นเดียวกับภาพของดัชนีทองคำในระยะ 3 เดือน ที่ 59.95 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 4.38 จุด หรือเพิ่มขึ้น 8.83% ทั้งนี้ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลกระทบต่อราคาทองคำ ได้แก่ ค่าเงินบาท 46.04% ค่าเงินดอลลาร์ 43.39% นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ 37.67% จากการสำรวจความเห็นผู้ค้าทองคำ คาดว่า ราคาทองคำจะปรับตัวลดลง 7 ราย ราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 ราย และราคาทองคำจะอยู่ในระดับเดียวกับ เดือนต.ค. มีจำนวน 2 ราย โดยคาดราคาทองในตลาดโลกเดือน พ.ย. ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,100-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ กรอบราคาด้านล่างอยู่ที่ 1,100-1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และกรอบราคาด้านบนอยู่ที่ 1,200-1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในประเทศ คาดว่า จะอยู่ที่ 16,000-20,500 บาทต่อบาททองคำ โดยกรอบล่างอยู่ที่ 16,500-18,500 บาทต่อบาททองคำ และกรอบบนอยู่ที่ 18,500-20,500 บาทต่อบาททองคำ สำหรับความคืบหน้าของการตั้งตลาดกลางเพื่อซื้อขายทองคำ หรือ โกลด์ เอ็กเชนจ์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือร่วมกัน ระหว่างสมาคมผู้ค้าทองคำกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อออกแบบรูปแบบการซื้อขาย วิธีการชำระราคา ซึ่งการแบ่งสัดส่วนการรับผิดชอบในการซื้อขาย โดยคาดว่าน่าจะสามารถสรุปโครงสร้างตลาด และ เปิดการซื้อขายได้ในปีหน้า ทั้งนี้ราคาทองคำที่ปรับตัวลดลงทำให้การตั้งตลาดซื้อขายทองคำเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้น และ อาจส่งผลให้การซื้อขาย 5-6 ปีแรกเสี่ยงที่จะขาดทุน แต่ศูนย์วิจัยทองคำมองว่า การตั้งตลาดกลางเพื่อซื้อขายทองคำเป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยให้ผู้ค้ารายใหญ่สามารถ แลกเปลี่ยนทองคำกันได้ และไม่กระทบกับการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาท รวมถึงมีราคากลางในการซื้อขายทองคำ ซึ่งปัจจัยพวกนี้เพียงพอที่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตั้งตลาดเพื่อซื้อขายทองคำขึ้นมา แม้สภาพตลาดจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม Tags : กมลธัญ พรไพศาลวิจิต • ศูนย์วิจัยทองคำ • ราคาทอง