'ไทย-อินเดีย'ถกทวิภาคี เร่งเขตค้าเสรี-แก้ภาษีซ้อน อาเซียนย้ำความพร้อมเข้าเออีซีในปีหน้า เปิดฉากการประชุมอาเซียน ย้ำความเป็นหนึ่ง-แก้ขัดแย้งอย่างสันติ มั่นใจเศรษฐกิจภายในโตแข็งแกร่ง รับภาวะผันผวนเศรษฐกิจโลกได้ ขณะไทย-อินเดียหารือทวิภาคี เร่งเขตค้าเสรี-แก้ภาษีซ้อน พร้อมเร่งสร้างถนนเชื่อม'ไทย-เมียนมาร์-อินเดีย' การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 25 ที่กรุงเนย์ปิดอว์ ประเทศสหภาพเมียนมาร์ เปิดประชุมอย่างเป็นทางการวานนี้(12 พ.ย.) โดยย้ำการรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนในปีหน้า และร่วมมือด้านความมั่นคงมากขึ้น นายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดี เมียนมาร์ ในฐานะประธานอาเซียน กล่าวเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนอย่างเป็นทางการ โดยเริ่มจากแนะนำพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมการประชุมอาเซียนเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง กล่าวว่าข้อตกลงที่จะเกิดขึ้น สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความพยายามของอาเซียน เพื่อย้ำถึงเจตนารมณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งอาเซียนจะเสริมสร้างความร่วมมือทั้งภายในและภายนอกภูมิภาคให้มากขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามแผนโรดแมพประชาคมอาเซียน ทั้งนี้ อาเซียนจะเดินหน้ากำหนดวิสัยทัศน์ภายหลังปี 2558 หลังจากเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปีหน้า ประเด็นหลักของการประชุมในปีนี้ คือ การก้าวไปข้างหน้าสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวและประชาคมที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดีเมียนมาร์ได้ทบทวนถึงความสำเร็จและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอาเซียน รวมทั้ง ประณามการยิงเครื่องบินสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน เอ็มเอช 317 และความรุนแรงที่เกิดจากการก่อการร้าย ด้านเศรษฐกิจ ประธานาธิบดีเมียนมาร์ กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจโลกจะมีความไม่แน่นอน แต่การบริโภคภายในประเทศอาเซียนยังคงแข็งแกร่ง และคาดว่าปีหน้า เศรษฐกิจอาเซียนจะเติบโต 5% ประธานาธิบดีเมียนมาร์ได้ย้ำถึงความร่วมมือใน 4 ด้าน คือ 1.ความร่วมมือในการส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมกัน สร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจระหว่างกัน เพื่อให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพ 2.ส่งเสริมให้อาเซียนมีบทบาทและเป็นกลไกสำคัญในระดับภูมิภาครวมทั้งเวทีโลก 3. ความร่วมมือเพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ลดความยากจน ลดช่องว่างการพัฒนา และ 4.ส่งเสริมให้อาเซียนปรับตัวเพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อให้อาเซียนสามารถร่วมมือกับประเทศภายนอกภูมิภาค โดยเฉพาะการเผชิญหน้าต่อความท้าทายของโลก เช่น ภัยพิบัติ ภัยคุกคาม การก่อการร้าย โรคระบาด วิกฤติอาหารและพลังงาน เป็นต้น แถลงการณ์ร่วมแก้ขัดแย้งอย่างสันติ สำหรับประเด็นที่มีการหารือกันของผู้นำอาเซียนนั้นรวมถึงการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียน ข้อพิพาทระหว่างสมาชิกอาเซียนกับจีนในทะเลจีนใต้ กลุ่มรัฐอิสลามในตะวันออกกลาง และไวรัสอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก แถลงการณ์ระบุว่าผู้นำอาเซียนวิตกเกี่ยวกับพัฒนาการในทะเลจีนใต้ ซึ่งมีความตึงเครียดมากขึ้นและสัญญาจะหาทางออกอย่างสันติสำหรับข้อพิพาทดินแดน อีกทั้งผู้นำยังรับปากจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อสกัดคนในภูมิภาคเดินทางไปร่วมรบกับกลุ่มรัฐอิสลาม อาเซียน-อินเดียหนุนเร่งสร้างถนน นอกจากนี้ ยังมีการประชุมสุดยอดอาเซียน- อินเดีย ครั้งที่ 12 ซึ่งเป็นการประชุมระดับผู้นำประจำปีที่จัดขึ้นในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนในช่วงปลายปี มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความคืบหน้าของความร่วมมือ กำหนดทิศทางในอนาคต และสนับสนุนบทบาทของอินเดียในภูมิภาค การประชุมในครั้งนี้ นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ได้เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งแรกภายหลังการเข้ารับตำแหน่งใหม่ ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดียที่ยืนหยัดมาเป็นเวลานานกว่า 2 ทศวรรษและได้พัฒนาเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ และยินดีที่อินเดียคงความสำคัญต่อนโยบายมุ่งตะวันออกที่ช่วยเกื้อหนุนพัฒนาการนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงประเด็นความร่วมมือที่เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ดังนี้ ประการแรก การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจ การที่อาเซียนและอินเดียลงนามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย ด้านการค้าบริการและการลงทุน เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสที่จะเพิ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน "ขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้ประโยชน์จากความตกลงนี้อย่างเต็มที่เพื่อให้ร่วมกันบรรลุเป้าหมายการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 100,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2558" นอกจากนี้ ความตกลงนี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP การประชุมครั้งต่อไปที่อินเดียจะเป็นเจ้าภาพ เรามีความคาดหวังว่า อินเดียจะมีบทบาทนำในการเจรจาหาข้อยุติในประเด็นที่ค้างคาอยู่ และผลักดันการเจรจาให้มีความคืบหน้า เพื่อให้เราเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประการที่สอง ควรขยายความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอาเซียนกับอินเดียในทุกมิติ เนื่องจากอินเดียใกล้ชิดอาเซียนทางทั้งทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ความเชื่อมโยงจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการรองรับตลาดที่ใหญ่ขึ้นทั้งจากการก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การจัดทำเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย และ RCEP เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่าย หนุนสร้างเครือข่ายคมนาคมทุกด้าน แนวทางสำคัญหนึ่งคือการเสริมสร้างเครือข่ายคมนาคมที่มีประสิทธิภาพระหว่างกันอย่างรอบด้าน ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมทั้งการพัฒนากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ และประชาชน ไทยสนับสนุนการเร่งรัดการสร้างถนนสามฝ่าย ไทย-เมียนมาร์-อินเดีย ให้แล้วเสร็จ ซึ่งอาจจะขยายเส้นทางคมนาคมนี้ไปสู่อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ในขณะเดียวกัน ควรพัฒนากฏระเบียบเกี่ยวกับการขนส่งและการอำนวยความสะดวกตามชายแดนควบคู่กันไป เพื่อให้อาเซียนและอินเดียสามารถใช้ประโยชน์จากเส้นทางนี้โดยเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้ อาเซียนและอินเดียควรสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น การจัดทำเขตเศรษฐกิจร่วมกัน หรือสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่เป็นเครือข่ายระหว่างกัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของพื้นที่ห่างไกล รวมทั้งต้องส่งเสริมโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างประชาชนทั้งสอง นายกรัฐมนตรีเห็นว่า อินเดียสามารถมีบทบาทที่สร้างสรรค์ต่อการพัฒนาเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจด้านตะวันออกสู่ตะวันตก เพื่อให้มีความเชื่อมโยงจากเวียดนามถึงอินเดีย โดยพัฒนาเส้นทางสำคัญทางยุทธศาสตร์ อาทิ ระเบียงเศรษฐกิจดานัง สะหวันนะเขต มุกดาหาร เมาะลำไย กับระเบียงอุตสาหกรรมเดลี มุมไบและเศรษฐกิจเจนไน ยังกาลอร์ของอินเดีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างอาเซียนและอินเดีย รวมทั้งการเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคในอนาคต ชี้ต้องร่วมมือด้านความมั่นคง ประการที่สาม การจัดการกับประเด็นความท้าทายข้ามแดน ไทยเห็นว่า การบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความเชื่อมโยงเป็นประเด็นที่อาเซียนและอินเดียจะต้องเร่งหารือกัน เพื่อรักษาพลวัตของความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการรักษาความมั่นคงควบคู่กันไป ตัวอย่างของภัยคุกคามที่ทั้งสองฝ่าย ต้องเฝ้าระวังร่วมกัน คือ การก่อการร้าย อาเซียนและอินเดียต้องขยายความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย รวมทั้งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค และเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจให้รุ่งเรืองต่อไป ประการสุดท้าย การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนวัตกรรม ต้องเร่งผลักดันให้อาเซียนและอินเดียสามารถใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของทั้งสองฝ่าย ผ่านโครงการความร่วมมือทางวิชาการ การวิจัย และการถ่ายโอนเทคโนโลยีในสาขาต่าง ๆ อาทิ การแพทย์ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีสารสนเทศ การเสริมสร้างความร่วมมือดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการเพิ่มมูลค่าต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชน 'ไทย-อินเดีย'ทวิภาคีเร่งเขตค้าเสรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและอินเดียนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมนโยบายอินเดีย ในการจัดตั้ง “Smart City” และ “ Made in India” เพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ สอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย กระตุ้นการค้าการลงทุน ทั้งสองประเทศยังมีนโยบายพัฒนาความเชื่อมโยงภายในอาเซียนและภูมิภาค โดยมีไทยเป็นศูนย์กลาง เช่นโครงการถนน สามฝ่าย ไทย-เมียนมาร์-อินเดีย รวมทั้งโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย ที่กำลังเดินหน้าไปด้วยดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเชื่อมโยงตลาดอาเซียนและเอเชียใต้ นอกจากนี้ ไทยยังปรับปรุงสิทธิประโยชน์การลงทุนของบีโอไอ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนจากต่างประเทศ หน่วยงานไทยพร้อมที่จะข้อมูลแก่เอกชนอินเดียที่สนใจ นายกรัฐมนตรีอินเดียได้แสดงความสนใจและเห็นว่าโครงการดังกล่าวข้างต้นจะต้องเร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างไทย-อินเดีย และการเร่งรัดการยกเลิกภาษีซ้อน เพื่อประโยชน์ต่อการค้าการลงทุน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ไทยและอินเดียยังมีความร่วมมือด้านความมั่นคงมานาน ทั้งความร่วมมือด้านหน่วยงานข่าวกรองและการลาดตระเวนร่วมทางทะเล หวังว่ากองทัพไทยและอินเดียจะทำการฝึกผสมร่วมกันภายใต้รหัส “ไมตรี” ในเร็วนี้ Tags : อาเซียน • เศรษฐกิจ • ทวิภาคี • เมียนมาร์ • เต็ง เส่ง • ประยุทธ์ จันทร์โอชา • เออีซี