คลังเล็งเปิดลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบ เพื่อรวบรวมข้อมูลหนี้นอกระบบทั้งประเทศอีกครั้ง ก่อนหาแนวทางช่วยเหลือ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.จะเสนอระดับนโยบายกระทรวงการคลัง ให้พิจารณาเปิดให้มีการลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบ เพื่อให้ทราบข้อมูลที่แท้จริงของจำนวนหนี้นอกระบบ และหาแนวทางช่วยเหลือที่ตรงเป้าหมายต่อลูกหนี้กลุ่มดังกล่าว ทั้งนี้การเปิดให้มีการลงทะเบียนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่สองนับจากปี 2552 ซึ่งข้อมูลปัจจุบันน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ขณะนี้ตัวเลขหนี้ครัวเรือน ซึ่งทั้งหมดจะเป็นข้อมูลของหนี้ที่อยู่ในระบบ ไม่ได้ขยายตัวมาก หรือขยายตัวในอัตราที่ลดลง จากเลขสองหลัก มาเป็นเลขหลักเดียว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจีดีพีเราไม่ได้ขยายตัวมาก ขณะที่ตัวเลขหนี้นอกระบบนั้น เรายังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด เราจึงต้องจัดให้มีการลงทะเบียน เพื่อให้ทราบข้อมูลดังกล่าว "เรากำลังหาแนวทางที่จะช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวอย่างเป็นระบบ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย และเห็นว่าควรที่จะเปิดให้มีการลงทะเบียนลูกหนี้กลุ่มดังกล่าว เพื่อให้รู้ข้อมูลทั้งหมด ทั้งในแง่จำนวนเงิน ลูกหนี้ประกอบอาชีพใด อยู่ที่ไหนเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเราทราบข้อมูลแล้ว จึงจะสามารถหาแนวทางช่วยเหลือได้ตรงจุด" นายกฤษฎา กล่าว สำหรับแนวทางในการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มดังกล่าว ในเบื้องต้น เราคงใช้วิธีการประนอมหนี้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ เพื่อลดภาระหนี้ได้ระดับหนึ่งก่อน จากนั้น คงจะหาแนวทางช่วยเหลือด้านอื่นเพิ่มเติม เช่น ให้สถาบันการเงินเข้ามาช่วยเหลือในการปล่อยสินเชื่อ เป็นต้น นายกฤษฎา คาดว่า สศค. จะสามารถสรุปกรอบการดำเนินงานได้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ จากนั้น จะเสนอให้ระดับนโยบาย หรือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาอนุมัติดำเนินการ เชื่อว่า จะสามารถประกาศให้เป็นของขวัญแก่ประชาชนได้ทันในปีใหม่นี้ สำหรับความคืบหน้าการพิจารณานาโนไฟแนนซ์ เขากล่าวว่า สศค.ได้เสนอให้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้ว ซึ่งท่านก็เห็นด้วยในหลักการ แต่ขอให้กลับมาพิจารณาปรับแก้ในบางประเด็น เมื่อแก้ไขเรียบร้อย คงจะได้มีการเสนอเข้าสู่การพิจารณาในชั้นคณะรัฐมนตรีเร็วๆนี้ นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า กระทรวงการคลัง ต้องการผลักดันให้เกิดการให้บริการสินเชื่อแก่ประชาชนรายย่อย หรือ ที่เรียกว่า นาโนไฟแนนซ์ เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนรายย่อยที่ใช้บริการเงินกู้นอกระบบได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบให้มากขึ้น โดยจะเปิดให้ผู้ที่สนใจสมัครเข้าทำธุรกิจดังกล่าวได้ กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่เกิน 36% ต่อปี ให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 1.2 แสนบาทต่อราย ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจทำธุรกิจดังกล่าว จะต้องมีทุนจดทะเบียนในระดับที่กระทรวงการคลังกำหนด หรือ ไม่เกิน 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องทุนจดทะเบียนนี้ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ขณะเดียวกัน ก็จะพิจารณาให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถประกอบธุรกิจได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จากเดิมที่จะกำหนดให้ประกอบธุรกิจเพียงจังหวัดเดียวเท่านั้น แต่ไม่สามารถเปิดรับฝากเงินจากประชาชนได้ Tags : นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ • สศค. • เศรษฐกิจ • หนี้ครัวเรือน • หนี้นอกระบบ