นายกรัฐมนตรีไทย ยินดีร่วมมือจีน สร้างรถไฟเชื่อมต่อกัน หนุนใช้สกุลเงินท้องถิ่น ลดต้นทุนแลกเปลี่ยน ขณะที่ไทยเตรียมถกแผนพัฒนา ระเบียงเส้นทางคมนาคมให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจ ใน GMS Summit กลาง ธ.ค. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมหารือทวิภาคีกับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 22 โดย ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการหารือว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมยุทธศาสตร์ของจีนในการพัฒนาเส้นทาง R3A เชื่อมต่อจากนครคุนหมิงมายังกรุงเทพมหานคร และการพัฒนาเส้นทางระบบรางมาถึงบริเวณชายแดนเพื่อเตรียมเชื่อมต่อไปถึงลาว ซึ่งไทยและจีนจะร่วมมือกันในการพัฒนาเพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมในภูมิภาคเต็มศักยภาพ ส่วนความร่วมมือด้านรถไฟ ไทยยินดีที่จะร่วมมือกับจีนในการพัฒนารถไฟทางคู่เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงจีน ไทยและประเทศในภูมิภาค โดยอาจนำไปหารือให้มีผลเป็นรูปธรรมในกรอบการหารือไทย-จีนที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังได้ส่งเสริมการธุรกรรมระหว่างกันในรูปแบบเงินสกุลท้องถิ่น เพื่อลดความเสี่ยงและลดต้นทุนอัตราแลกเปลี่ยน และหวังว่าจะต่ออายุความตกลงทวิภาคีแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลหยวนและบาทที่จะหมดอายุในเดือน ธ.ค. นี้ และลงนามความร่วมมือว่าด้วยการตั้งธนาคารชำระดุลเงินหยวนในประเทศไทยโดยเร็ว ไทย-จีน เตรียมขยายความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณจีนที่นำเข้าสินค้าเกษตร จากไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลไม้ ข้าวหอมมะลิ และยางพารา โดยทั้งสองฝ่ายจะหารือต่อไปเพื่อลดปัญหาและอุปสรรคด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกัน ส่วนการส่งเสริมในด้านการศึกษา ไทยและจีนเห็นพ้องขยายความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม เนื่องจากจีนมีความเจริญก้าวหน้า โดยอาจจัดเวทีให้นักวิทยาศาสตร์ได้พบปะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งขอให้จีนช่วยสนับสนุนด้านการพัฒนาระบบอาชีวศึกษา นายกฯชี้ไทยเตรียมพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เชิญนายกรัฐมนตรีจีนเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS Summit) ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 19-20 ธ.ค. นี้ โดยไทยจะผลักดันประเด็นเรื่องการพัฒนาระเบียงเส้นทางการคมนาคมให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษข้ามพรมแดน การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการขนส่งออก และการป้องกันการลักลอบการค้ามนุษย์ด้วย