'ฟิล์ม รัฐภูมิ' เร่งฟิตหุ่นถ่ายหนัง ไม่หวั่นคนติดภาพกะเทย จ่อลุยงานเพลง รับบทเป็นกะเทยในหนัง "สตรีเหล็ก ตบโลกแตก" สำหรับ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" แถมยังถูกเม้าท์อีกว่าหนุ่มฟิล์มโดนค่ายหนังปฏิเสธเพราะเรื่องเยอะอีกด้วย โดยหนุ่มฟิล์มเผยว่า "ช่วงนี้ออกกำลังกายหนักมากครับ เพราะผมถ่ายหนังสตรีเหล็ก แล้วพี่พจน์บอกว่ามีฉากถอดเสื้อด้วย ก็ต้องรีดลงมาเยอะเหมือนกันครับ พยายามเล่นหนักๆ จะได้ไม่เป็นกล้ามปู เดี๋ยวมันจะไม่ใช่กะเทย (ยิ้ม) หนังตอนนี้ถ่ายไปได้ 60 เปอร์เซนต์แล้วครับ เหลืออีกไม่ถึงสิบคิวก็น่าจะจบแล้ว ทุ่มเทกับเรื่องนี้มากๆ ครับ เพราะพลิกบทบาทและคาแรคเตอร์ เราชอบเรื่องของกีฬาวอลเล่ย์บอลอยู่แล้ว ก็เต็มที่มากๆ ครับ ผมไม่กลัวคนติดภาพลักษณ์กระเทยเพราะว่าไม่ใช่อยู่แล้ว เรื่องนี้ผมอยากเล่นเองด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกท้าทายความสามารถ และเค้าเองก็เป็นเพศที่น่ารัก เวลาเราได้ไปเล่นไปเป็นก็รู้สึกว่าสนุกมาก ก็คิดว่าน่าจะทำให้แฟนๆ น่าจะได้สนุกกัน ถามว่าเล่นแล้วอินมั้ย ผมชอบอ่ะ น่ารัก แต่ด้วยความที่เราไม่ได้เป็นอยู่แล้ว แต่พอเราไปเล่นก็รู้สึกว่าเค้ามีเสน่ห์ พอเค้าคิด เค้าทำ ก็คือผู้หญิงนั่นแหละ เรื่องแต่งหน้ายากมากครับ มันทำให้ท้อเพราะกว่าจะติดขนตา กรีดอายไลน์เนอร์มันยากมากครับ ก็อาศัยจำเอา อย่างช่างแต่งหน้าหรือว่าคนในกองถ่าย ที่หนักใจตอนนี้คิดว่าน่าจะเป็นการเล่นให้เหมือน พอพูดถึงสตรีเหล็กทุกคนก็จะนึกถึงภาพสวยงาม เล่นเก่ง แต่พอเราเป็นเนี้ย ถ้าเราทำโอเวอร์ไปก็จะดูไม่สมจริง ถ้าเล่นน้อยก็ดูว่าเราแอ๊บ ก็ต้องเล่นแบบพอดีๆ พอจบหนังเรื่องนี้ก็ไม่มีแล้วครับ พักก่อนไปทำเพลงบ้าง ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าหนังปฏิเสธเพราะเรื่องเยอะนั่น ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น ข่าวนี้ผมเห็นแล้วเหมือนกัน คือเวลาผมจะรับหนังหรือว่างานจะเป็นทางต้นสังกัดไตร่ตรองให้ก่อนแล้ว ว่างานนั้นเหมาะสมรึเปล่า ทางนั้นไม่มีปฏิเสธจะมีก็แต่ทางเราที่ปฏิเสธไปมากกว่า พอได้ยินข่าวนี้ก็รู้สึกแปลก ๆ ว่าทำไมมันกลับตาลปัตรแบบนั้น ทั้งๆ ที่เราก็มีความตั้งใจ เราก็อยากเล่นทุกเรื่องแหละ ใครส่งบทอะไรมา เด่น ไม่เด่น เราก็อยากเล่นหมด เพราะถือเป็นโอกาสที่ดี เป็นการสอนและเป็นครูทั้งนั้น แต่ว่าจะเล่นได้มั้ยก็ต้องอยู่มี่ทางต้นสังกัด ทั้งในเรื่องของบท ค่าย ดีมั้ย มาจากไหน คือทุกอย่างมันต้องละเอียดอ่อนครับ ก็มีที่ไม่ได้ร่วมงานกับหนังอีกเรื่องแค่นั้นเอง คิดว่าน่าจะเป็นเพราะแบบนี้ด้วย เลยมีกระแสข่าวออกมา เพราะทางอาร์เอสเค้าก็จะคอยดูแลให้เรา ก็มีน้อยใจที่ว่าคนหาว่าเราเรื่องมากเรื่องเยอะ เพราะเราเองก็อยู่มาเป็นสิบปี คือถ้าเราเป็นแบบนั้นจริงๆ เราคงไปตั้งแต่ปีแรกแล้ว ก็รู้สึกเสียใจกลัวคนอ่านที่เค้าไม่รู้จักเราก็จะคิดว่าเราเป็นแบบนั้นครับ"