'กูรู'ฟันธงหุ้นปลายปีแตะ1,700จุด

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 9 พฤศจิกายน 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    "กูรู"ฟันธงหุ้นปลายปีแตะ1,700จุด มั่นใจขาขึ้นยาว"ลงทุนรัฐ-เออีซี" ช่วยดัน

    นายสุเชษฐ์ สุขแท้ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้น่าจะเป็นช่วงขาขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทย โดยน่าจะปรับแตะระดับ 1,650-1,700 จุด ตามที่หลายฝ่ายเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ได้ เนื่องจากดัชนีได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ประกอบกับทิศทางตลาดที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งตลาดหุ้นไทยจะได้รับอานิสงส์จากเงินไหลเข้าต่างๆ ด้วย รวมทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่จะเป็นแรงส่งให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับขึ้นต่อเนื่องได้

    อย่างไรก็ตาม การที่ญี่ปุ่นอัดมาตรการคิวอี (มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ) เข้ามา นักลงทุนอาจกังวลว่าจะทำให้ค่าเงินผันผวน แต่ถ้ามองการลงทุนในระยะกลางและยาว สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แม้ว่าระยะสั้นอาจมีเงินบางส่วนไหลออกบ้าง แต่เม็ดเงินลงทุนก็ยังไหลอยู่ในตลาดเอเชีย ประกอบกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 และการเปิดเสรีอาเซียน +3 และ+1 อีก เชื่อว่าจะเกิดการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น และเมื่อไทยยังถือเป็นฐานการลงทุนที่สำคัญ มีชัยภูมิการลงทุนที่ดี เงินลงทุนย่อมหมุนเวียนอยู่ในไทยแน่นอน

    "ถ้านักลงทุนเลือกหุ้นถูกตัว และถือต่อเนื่องมา 5 ปีที่แล้ว จะพบเลยว่านักลงทุนเหล่านั้นมีกำไรและร่ำรวยมหาศาล เพราะจากการรวบรวมข้อมูลพบว่า มีหุ้นประมาณ 120-150 ตัวที่นักลงทุนถือระยะยาวแล้วจะสร้างความมั่งคั่งให้กับนักลงทุนอย่างมาก บางคนซื้อตอน 1 บาท จากนั้นก็ขึ้นๆๆๆ มาเรื่อยๆ ประกอบกับในช่วง 2 เดือนนี้จะมีเม็ดเงินจากแอลทีเอฟ อาร์เอ็มเอฟ และทริกเกอร์ฟันด์ต่างๆ เข้ามา การที่ดัชนีจะขึ้นไป 1,650-1,700 จุด จึงไม่ใช่เรื่องเฟ้อฝัน” นายสุเชษฐ์ กล่าว

    เออีซีปลุกลงทุนไทย

    ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนย้ายฐานการลงทุนมาประเทศไทยเยอะมาก โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น ซึ่งนักลงทุนกลุ่มนี้เป็นนักลงทุนที่มีความมั่งคั่งและมั่นคง โดยการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจะมาทั้งการลงทุนเอง 100% และการควบรวมกิจการกับบริษัทในไทย เห็นได้จากยอดการควบรวมกิจการที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดการออกหุ้นกู้และออกกองทุนต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อนำเงินไปใช้ขยายฐานการลงทุนของแต่ละบริษัท

    "นักลงทุนจีนและญี่ปุ่นฝังรากการลงทุนในบ้านเรามานาน ตอนนี้เขาเริ่มขยายกิ่งก้านสาขาการลงทุนออกไปเพื่อรองรับการเติบโตที่มากขึ้นในอนาคต แม้จะมีการขยายฐานที่มากขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล เพราะเขาขยายฐานการลงทุนในไทย ไม่ได้ขยายไปประเทศอื่น เพราะเราถือเป็นประเทศที่อยู่จุดกลางการลงทุน จากประเทศที่อยู่ในอาเซียน ไทยคือชัยภูมิที่ดีที่สุด มีความพร้อมที่สุด เพราะเมียนมาร์ก็ยังโตตามเราไม่ทัน ลาวก็ยังช้า จะมีก็คือเวียดนามที่ยังต้องจับตา"

    แนะหุ้นกลุ่ม"น่าลงทุน"

    นายสุเชษฐ์ กล่าวอีกว่า หากมองการลงทุนในระยะสั้นช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ หุ้นที่น่าลงทุนได้แก่ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) เนื่องจากเสถียรภาพทางการเมืองที่ดีขึ้น ส่งผลให้ยอดนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่มียอดการเข้าพักมากขึ้นต่อเนื่อง, บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) โดยมีแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งขึ้น จากทิศทางการเติบโตของตลาดการขนส่งด้วยเรือเทกองที่ดีขึ้น, บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เพราะมีแผนการลงทุนที่ชัดเจน หนุนการเติบโตในระยะยาว เป็นต้น

    ส่วนทิศทางการลงทุนในปี 2558 เราแนะนำให้ลงทุนใน 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มธนาคาร โดยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เราแนะนำลงทุนหุ้น บมจ.ช.การช่าง (CK) ซึ่งมีศักยภาพในการรับงานใหญ่ ประกอบกับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทก็เป็นกลุ่มของทหารที่น่าจะมีสัมพันธ์ที่ดีในการสนับสนุนการลงทุน

    กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เราแนะนำ บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCC) ซึ่งปูนใหญ่มีธุรกิจในมือเยอะ พร้อมจะเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว นักลงทุนอาจมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันแพง แต่หากมองระยะยาวถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ่มค่ามาก และกลุ่มพาณิชย์ เราแนะนำหุ้น บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) ซึ่งถือเป็นแขนขาที่สำคัญของปูนใหญ่ มีโอกาสที่จะเติบโตได้ดีกว่าโฮมโปร เพราะใช้กลยุทธ์ป่าล้อมเมืองในการขยายธุรกิจ และสุดท้าย คือ กลุ่มธนาคาร เราแนะนำ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และธนาคารกรุงไทย (KTB)

    อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่เราแนะนำ คือ "ซื้อ ถือ ฝัง" คือซื้อลงทุนเลย ถือต่อเนื่อง และฝังในใจไว้เลยว่าถือระยะยาวมีกำไรแน่นอน

    หุ้นไทยปีหน้าแตะ1,800

    นาย ช.โชติวงศ์ เพ็ชญไพศิษฎ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอ อาร์ เอส จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้ผ่านการพักฐานในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว และจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคในขณะนี้ยังมีกรอบการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้อีกมาก จึงเชื่อว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ดัชนีจะปรับขึ้นแตะระดับ 1,650 จุดไม่ใช่เรื่องยาก และมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นแตะระดับ 1,700 จุด ซึ่งหากดัชนีสามารถปรับขึ้นแตะระดับ 1,700 จุดได้ในช่วงต้นปี 2558 ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นแตะระดับ 1,800 จุดได้เช่นกัน

    "ในช่วงปีที่ผ่านมา เงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยไม่มากนัก แต่ยังดันดัชนีให้ปรับขึ้นได้มากขนาดนี้ หากช่วงปลายปีนี้มีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามามากขึ้นเพื่อเก็งกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล ก็เชื่อว่าดัชนีจะปรับขึ้นได้อีกมาก ซึ่งระดับการปรับเพิ่มอีกประมาณ 400 จุดไม่ใช่เรื่องยาก"

    แนะลงทุนระยะยาว


    กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอ อาร์ เอส จำกัด กล่าวด้วยว่า ดัชนีตลาดหุ้นตอนนี้ยังมีสัญญาณขาขึ้น หลังปรับลดลงแรงช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา โดยช่วงที่ดัชนีปรับลดลงถือเป็นช่วงของการซื้อเก็บสะสม เพราะจุดที่ดัชนีจะปรับลดลง 1,400-1,500 จุดในช่วงนี้คงเป็นไปไม่ได้

    ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่แนะนำลงทุน ได้แก่ กลุ่มธนาคาร, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มขนส่ง และกลุ่มพาณิชย์ แต่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในระยะสั้น ซื้อเช้าขายเย็น เพราะดัชนียังมีความผันผวน จึงแนะนำลงทุนในระยะยาวเป็นหลัก เนื่องจากประเมินว่าในระยะ 4-5 ปีข้างหน้ามีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับขึ้นแตะระดับ 2,000 จุดได้

    Tags : สุเชษฐ์ สุขแท้ • หุ้นไทย

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้