หุ้นเข้าดัชนีเอ็มซีไอวิ่งแรง

หุ้นที่เอ็มเอสซีไอเพิ่มหุ้นเดลต้า-พลังงานบริสุทธิ์-ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่นฯเข้าคำนวณดัชนีรอบใหม่มีผล 25 พ.ย.นี้


บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่าล่าสุด MSCI Reviews ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย โดย MSCI Global Standard เลือกหุ้นเดลต้า ( DELTA), หุ้นพลังงานบริสุทธิ์ (EA), ไทยยูเนี่ยนโฟรเซ่น (TUF) เข้าคำนวณรอบใหม่ ส่วน MSCI Small Cap เลือกหุ้นไอร่า (AIRA), อีฟอร์แอล (EFORL), อิชิตัน (ICHI), เคทิส (KTIS), พีซีเอสจีเอช (PCSGH), ศรีสวัสดิ์ (SAWAD), ซุปเปอร์บล๊อก (SUPER) เข้าคำนวณ

หุ้นที่ถูกนำออกจากการคำนวณได้แก่ หุ้นร.ร.เซ็นทรัล (CENTEL), เดลต้า (DELTA),กระเบื้องหลังคาตราเพชร (DRT), พลังงานบริสุทธิ์ (EA), อสมท (MCOT), เอ็มเค (M), พฤกษา (PS), ไทยพัฒนา (TFD) ออกจากการคำนวณ โดยการ Review รอบนี้จะมีผลภายใน 25 พย.นี้

การเคลื่อนไหวราคาหุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณดัชนีเอ็มเอสซีไอ พบว่าราคาหุ้นปรับขึ้นทุกบริษัท โดยราคาหุ้นเดลต้าปรับตัวขึ้นแรงและมีมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) เข้ามาหนาแน่น ล่าสุดปิดตลาดที่ราคา 74.75 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท คิดเป็น 13.69% มูลค่า 645.4 ล้านบาท

หุ้นพลังงานบริสุทธิ์ ปิดตลาดที่ราคา 25.00 บาทเพิ่มขึ้น 0.80 บาท คิดเป็น 3.31% มูลค่าการซื้อขาย 795 ล้านบาท หุ้นไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น ปิดตลาดที่ราคา 80.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท คิดเป็น 3.90% มูลค่าการซื้อขายรวม 895.9 ล้านบาท

ขณะที่หุ้นที่ถูกลดน้ำหนักการคำนวณราคาปรับลดลงและมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น โดยเฉพาะหุ้นซีพีออลล์ราคาลดลงปิดตลาดที่ 42.50 บาท ลดลง 2.00 บาท คิดเป็น 4.49% มูลค่า 1,793.2 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าวว่าหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักในการคำนวณดัชนี ราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพราะนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรก่อนที่การเพิ่มน้ำหนักจะมีผลในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ขณะเดียวกันหุ้นที่ถูกลดน้ำหนักก็จะถูกแรงเทขายเพราะมีกองทุนบางส่วนจะต้องลงทุนโดยอิงน้ำหนักของดัชนีเอ็มเอสซีไอ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในสัดส่วนการลงทุน จึงจำเป็นต้องปรับนโยบายการลงทุนในหุ้นแต่ละตัวให้สอดคล้องกัน

บล.ทิสโก้ ระบุว่า การที่ดัชนีเอ็มเอสซีไอประกาศหุ้นไทยหลายตัวเข้าคำนวณดัชนี ซึ่งดีกว่าที่ประเมินไว้ว่าไม่มีหุ้นไทยเข้า-ออก ดังนั้นแนะให้ความสนใจในหุ้นเข้า MSCI เป็นหลัก และยังมองดัชนีจะยืนเหนือ 1,600 จุดได้ก่อนสิ้นปี และคาดว่าจะวิ่งขึ้นทดสอบ 1,650-1,700 ภายในไตรมาส 1/2558

นักวิเคราะห์ บล.เคที ซีมิโก้กล่าวว่า บริษัทซีพีออลล์ ถือว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แม้ว่ารายงานกำไรงวดไตรมาส 3/2557 ต่ำกวาคาด เนื่องจากผลกระทบจากการฟื้นตัวช้าของเศรษฐกิจอาจยาวนานกว่าคาด แต่เชื่อว่ากำไรของบริษัทซีพีออลล์ ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และน่าจะเห็นการเติบโตในปี2558 ด้วยแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และฐานต่ำในปี 2557 ยังคงคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นขยายตัวเฉลี่ย 36% ต่อปีในปี 2558-59

ทั้งนี้ บริษัทซีพีออลล์ มีกำไรสุทธิ 2.7 พันล้านบาท ในไตรมาส 3/57 ทรงตัวจากปีก่อน หากไม่รวมรายการพิเศษ โดยธุรกิจปกติ ลดลง 20%จากงวดเดียวกันปีก่อนเหลือ 2.45 พันล้านบาท ต่ำกว่าคาดราว 5% เนื่องจากยอดขายต่ำกว่าคาด จากภาวะซบเซาของการใช้จ่าย ขณะที่แคมเปญการตลาดก็ไม่ประสบความสำเร็จ กดดันให้ยอดขายสาขาเดิมหดตัว 4-5%จากปีก่อนมากกว่าคาด อย่างไรก็ดี อัตรากำไรขั้นต้นยังปรับดีขึ้นกว่าคาด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทแม็คโคร และยังควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี

Tags : ตลาดหุ้น • ดัชนีเอ็มซีไอ