ตลาดหุ้น เร่งทบทวนกฎระเบียบการลงทุนต่างชาติ และการซื้อขายผ่านเอ็นวีดีอาร์ หลังจีน - ฮ่องกง เชื่อมต่อสำเร็จ นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่าตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการพิจารณาการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ต่างๆ ทั้งในเรื่องของการถือหุ้น หรือการซื้อขายหุ้น ผ่านเอ็นวีดีอาร์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น หลังจาก ที่ตลาดฮ่องกง และ ตลาดหุ้น เซี่ยงไฮ้จะมีการเชื่อมต่อการซื้อขายระหว่างกัน อาจทำให้ความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยลดลง "การเชื่อมต่อโยงของตลาดหุ้น เซี่ยงไฮ้ กับ ตลาดหุ้นฮ่องกง เข้าด้วยกัน เป็นสิ่งที่น่าสนใจช่วยอำนวยความสะดวกนักลงทุนให้ซื้อขายหุ้นระหว่างกันได้สะดวก และอาจดึงดูดให้เงินทุนเข้าไปใน 2 ตลาดดังกล่าวมากขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยต้องกลับมาสำรวจว่า เรายังมีจุดอ่อนตรงไหนที่ต้องปรับปรุงบ้าง" เธอกล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา กฎระเบียบต่างๆ ในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก และมีความยุ่งยากกว่าปกติในหลายส่วนที่ต่างประเทศไม่มีการใช้กฎเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว เช่นการซื้อขายผ่านช่องทางใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย หรือ เอ็นวีดีอาร์ ซึ่งต่างชาติสามารถซื้อลงทุนได้แต่ไม่มีสิทธิ์ในการโหวตหรือลงคะแนนเสียง ขณะที่ในต่างประเทศไม่มีช่องทางดังกล่าวให้ลงทุน อย่างไรก็ตามปัจุบันบริษัทจดทะเบียนจะพิจารณาความเหมาะสมของสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติเอง ซึ่งในตลาดหุ้นไทยจะมีข้อกำหนดเพดานการถือครองหุ้นของต่างชาติไว้ชัดเจนว่า แต่ละบริษัทจะถือครองจำนวนเท่าใด ขณะที่เอ็นวีดีอาร์ เป็นเพียงช่องทางให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาถือหุ้น แต่ไม่มีสิทธิในการออกเสียง ตลาดหลักทรัพย์ มีแนวคิดที่อยากจะให้เปิดการซื้อขายหุ้นไทย ด้วยเงินสกุลอื่น นอกเหนือเงินสกุลบาท และหากทางการเปิดให้เทรดด้วยสกุลเงินดอลลาร์ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยเอื้อความสะดวกแก่นักลงทุนต่างประเทศเช่นเดียวกับในตลาดหุ้นมาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยมีการเปิดให้มีการซื้อขายหุ้นได้หลากหลายในสกุลต่างๆ มาเป็นเวลานานแล้ว ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้หารือกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ธปท.หากเปิดให้ซื้อขายหุ้นไทยด้วยสกุลเงินอื่นได้ บริษัทหลักทรัพย์ก็จะต้องเปิดบัญชีให้ลูกค้าทั้งสกุลเงินบาท และสกุลเงินดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ธปท.ไม่อนุญาตให้โบรกเกอร์ซื้อขาย 2 บัญชี สำหรับการนำบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยนั้น จะเป็นการนำบริษัทลูกของบจ.ไทยที่ไปทำธุรกิจต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียน เนื่องจากไทยมีสภาพคล่องทางการเงินสูง ซึ่งจะเป็นแหล่งการระดมทุนที่ดีของบริษัทในแถบประเทศลุ่มน้ำโขง (GMS) โดยตอนนี้มีบริษัทสนใจที่จะเข้าจดทะเบียนในรูปแบบดังกล่าวแล้ว 2-3 แห่ง ในปี 2558 เช่น บริษัทลูกของบริษัทอมตะคอร์ปอเรชั่น( AMATA) ที่ได้มีการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว นอกจากนี้มาตรการควบคุมหุ้นที่เคลื่อนไหวร้อนแรงนั้น ในการประชุมคณะกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ ปลายเดือนนี้ จะมีการทบทวนกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ใช้อยู่ว่ามีความเหมาะสม และเพียงพอหรือไม่ หรืออาจจะมีมาตรการออกมาเพิ่มเติม ทั้งนี้หากมีการออกมาตรการคุมหุ้นร้อนแรง ยอมรับว่าจะส่งกระทบกับตลาดหุ้นบ้าง แต่ตลาดหลักทรัพย์มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเพื่อควบคุมความผิดปกติ นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ได้จัดงานสัมมนา Asia Securities Forum 2014 : Harmonizing Asia Capital Market โดยเป็นการจัดการประชุมร่วมกันของกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ใน 16 ประเทศ ที่เข้าร่วมงาน การจัดงานในครั้งนี้จะช่วยการเชื่อมโยงกันระหว่างบริษัทหลักทรัพย์ในภูมิภาค ทั้งนี้ ประเทศไทยมีจุดเด่นในการเป็นตลาดทุนที่มีการพัฒนาในแถวหน้าในกลุ่มอาเซียน และเป็นศูนย์กลางในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง ที่มีจำนวนประชากร 260 ล้านคน และมีการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับ 5-6 % ต่อปี ซึ่งไทยต้องเป็นศูนย์กลางในการระดมทุนในภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมาก.ล.ต. ได้ออกกฎเกณฑ์เพื่อเอื้ออำนวยให้เอกชนในประเทศเพื่อนบ้านสามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้ เปิดโอกาสให้นำทรัพย์สินในต่างประเทศมาตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย และไอพีโอพร้อมกัน 2 ตลาดหุ้น ซึ่งการประชุมในครั้งนี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์และต่อยอดการพัฒนาตลาดทุนร่วมกันในอนาคต Tags : เกศรา มัญชุศรี • ตลาดหุ้น • เอ็นวีดีอาร์