ก.ล.ต.จับมือสิงคโปร์-มาเลเซีย ยกระดับคุณภาพการตรวจสอบบัญชีบริษัทจดทะเบียน ชี้ต่อไปผู้สอบบัญชีต้องให้ความเห็นว่า กิจการเสี่ยงจะล้มหรือไม่ นายธวัชชัย เกียรติกวานกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับบัญชีตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ได้ร่วมมือกับก.ล.ต.ประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ในการพัฒนาระบบการตรวจสอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยมีการประชุมร่วมกับสำนักงานผู้สอบบัญชีเพื่อวางกรอบการทำงานร่วมกัน นอกจากการร่วมมือในครั้งนี้ ยังเป็นการเพิ่มบทบาทของประเทศในกลุ่มอาเซียนในเวทีทางด้านระบบการตรวจสอบบัญชีของโลกอีกด้วย ปัจจุบันกิจการของบริษัทจดทะเบียนมีขนาดใหญ่ขึ้น การทำธุรกิจก็มีความซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้นผู้ตรวจสอบบัญชีจะต้องมีความพร้อมทั้งทางด้านทรัพยากรบุคคล และความรู้ทางด้านธุรกิจนั้นๆ มากขึ้น เพื่อให้งานตรวจสอบงบการเงินของทางบจ.มีคุณภาพ หรือให้งบสะท้อนฐานะของบริษัทให้มากที่สุด เพื่อให้นักลงทุนสามารถใช้งบการเงินเป็นข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนได้ “ผู้สอบบัญชีมีบทบาทสำคัญที่ช่วยส่งสัญญาณให้ผู้ลงทุนได้รับรู้ถึงความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในบริษัทผ่านงบการเงิน เพื่อให้ผู้ลงทุนใช้พิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุน ประกอบกับบริษัทจดทะเบียนและบริษัทหลักทรัพย์มีขนาดใหญ่ เชื่อมโยงต่างประเทศ และมีธุรกิจซับซ้อนยิ่งขึ้น ทำให้งานสอบบัญชีจะต้องอาศัยทีมงานที่มีความรู้ความสามารถ ภายใต้ระบบ การควบคุมคุณภาพที่ได้มาตรฐาน โดยหลังจากนี้ในการตรวจสอบงบการเงิน ผู้สอบบัญชีจะต้องระบุด้วยว่ากิจการนั้นๆ มีความสามารถที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในอนาคตหรือไม่ ซึ่งเป็นการบอกให้นักลงทุนรับทราบว่ากิจการนั้นๆ จะเจ๊งหรือไม่” เขากล่าวต่อว่า ปัจจุบันก.ล.ต.มีการตรวจสอบคุณภาพการตรวจสอบบัญชี ของสำนักงานผู้สอบบัญชีอย่างต่อเนื่อง โดยหากสำนักงานใดมีความเสี่ยงก็จะเข้าไปตรวจบ่อยกว่าสำนักงานอื่นๆ ส่วนที่มีคุณภาพอยู่แล้ว อย่างน้อยภายใน 3 ปี ก็ต้องเข้าไปตรวจหนึ่งครั้ง ส่วนสำนักงานผู้สอบบัญชีรายใหญ่ หรือ บิ๊ก 4 นั้น ทาง ก.ล.ต.จะเข้าไปตรวจปีละครั้ง เนื่องจากบิ๊ก 4 นี้ มีงานตรวจสอบบัญชีจำนวนมาก คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) กว่า 75% ของบจ.ทั้งหมด จากการตรวจคุณภาพงานสอบบัญชีประจำปี 2556 ซึ่งได้ตรวจสอบสำนักงานสอบบัญชีแล้ว 8 แห่ง จากทั้งหมด 26 แห่ง พบว่าทุกแห่งผ่านการตรวจสอบคุณภาพ และอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยได้คะแนนเฉลี่ยสูงสุดด้านการตอบรับงาน และการคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์กับลูกค้า เนื่องจากสำนักงาน สอบบัญชีส่วนใหญ่มีกระบวนการรับงานที่คำนึงถึงปัจจัยด้านความเสี่ยงของลูกค้าและความรู้ความสามารถ เฉพาะทางของกลุ่มผู้ปฏิบัติงานสอบบัญชีแล้ว สำนักงานผู้สอบบัญชี ได้คะแนนเฉลี่ยต่ำสุดด้านการปฏิบัติงาน เนื่องจากผู้สอบบัญชีและผู้สอบทานการควบคุมคุณภาพงานมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานสอบบัญชีไม่เพียงพอ และไม่ได้ปรับปรุงคู่มือการสอบบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานการสอบบัญชีที่ออกใหม่ในหลายประเด็น เช่น การตรวจสอบรายการที่มีความเสี่ยงจากการทุจริต และการตรวจสอบกลุ่มกิจการ ซึ่งอาจแก้ไขด้วยการให้ผู้สอบบัญชีและผู้สอบทานการควบคุมคุณภาพงานมีส่วนร่วมในงานสอบบัญชี มากยิ่งขึ้น ปรับปรุงคู่มือการสอบบัญชีและแนวการสอบบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐาน และฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับวิธีการตรวจสอบดังกล่าวอย่างเพียงพอ “ในการตรวจสอบ สำนักงานใดที่ได้คะแนนต่ำ หรือมีส่วนที่ต้องปรับปรุง ก.ล.ต.ก็จะให้สำนักงานนั้นๆ กลับไปทำแผนในการดำเนินการแก้ไข หรือปรับปรุงให้ดีขึ้น ก่อนที่จะนำรายงานนั้นมาให้ก.ล.ต.พิจารณาดูว่าสิ่งที่จะดำเนินการนั้นเพียงพอที่จะทำให้งานด้านการตรวจสอบมีคุณภาพมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากก.ล.ต.เห็นว่ามีส่วนใดควรจะทำเพิ่ม ก็จะให้สำนักงานเพิ่มเติมไป อย่างไรก็ตามการดำเนินการต่างๆ จะพยายามไม่ให้เป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับสำนักงานผู้สอบบัญชี” Tags : ธวัชชัย เกียรติกวานกุล • ก.ล.ต. • ผู้สอบบัญชี