มาสด้า ขึ้นไลน์ผลิตรถอีโคคาร์ เฟส 2 รายแรก ทุ่ม 1.2 หมื่นล้าน ปั้นไทยฐานผลิตรถประหยัดพลังงานป้อนตลาดโลก มาสด้า ขึ้นไลน์ผลิตรถอีโคคาร์ เฟส 2 รายแรก ทุ่ม 1.2 หมื่นล้าน ปั้นไทยฐานผลิตรถประหยัดพลังงานป้อนตลาดโลก เตรียมเปิดจองงานมหกรรมยานยนต์ ปลายเดือนพ.ย.นี้ ด้าน "ปรีดิยาธร" จีบเยอรมันเดินหน้าลงทุนอีโคคาร์ในไทย หวังหนุนไทยศูนย์กลางผลิตอีโคคาร์เอเชีย บริษัท มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และบริษัทมาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดพิธีเปิดสายการผลิตรถยนต์ โครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 หรือโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 วานนี้ (11 พ.ย.) เป็นรายแรก โดยมีนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะผู้แทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ณ โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง นายยูจิ นากามิเน่ ผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า มาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับโรงงานผลิตรถยนต์มาสด้า ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) มีความเชื่อมั่น ในภาพรวมของเศรษฐกิจไทย จึงได้ลงทุนทั้งหมด 1.2 หมื่นล้านบาทเพื่อการผลิตมาสด้า 2 กำลังการผลิต 1.58 แสนคันต่อปี (งบลงทุนการขึ้นไลน์ผลิตและเครื่องมือ และชิ้นส่วนบังคับตามข้อกำหนดอีโคคาร์) เพื่อเริ่มสายการผลิตรถยนต์ ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 โดยจะผลิตรถยนต์นั่ง มาสด้า 2 เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เต็มคัน และเครื่องยนต์ คลีนดีเซล (สกายแอคทีพ ดี) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ไทยกลายเป็น "ศูนย์กลาง" การผลิตรถยนต์มาสด้าที่ใหญ่สุดในอาเซียน นายนากามิเน่ กล่าวต่อไปว่า รถยนต์มาสด้า 2 ใหม่ ถือเป็นรถรายแรก ที่ได้รับอนุมัติในโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ซึ่งต้องผ่านข้อกำหนด รวมถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำกว่า 100 กรัม/กิโลเมตร การได้รับอนุมัติโครงการในครั้งนี้จะช่วยให้มาสด้าสามารถนำเสนอรถยนต์นั่งขนาดกะทัดรัด ในอัตราภาษีที่ดีขึ้นได้ การผลิตรถยนต์มาสด้า 2 ใหม่ ในไทยจะช่วยยกระดับมาตรฐานทางเทคนิคของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยร่วมมือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ภายในประเทศ เดินสายผลิตแห่งที่ 2 ต่อจากญี่ปุ่น สำหรับการเริ่มการผลิตมาสด้า 2 ถือเป็นการเดินสายการผลิต แห่งที่ 2 ต่อจากญี่ปุ่น ซึ่งได้แนะนำรถไปแล้ว และมาสด้าจะเปิดการขาย สำหรับตลาดออสเตรเลียเป็นประเทศต่อไปในเดือนหน้า ส่วนในไทย อยู่ในแผนของการแนะนำสินค้าพร้อมกันทั่วโลกของมาสด้า ซึ่งจะเปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกของโลกในงานมหกรรมยานยนต์ในปลายเดือนนี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงต้นปีหน้า "สำหรับการคาดหวังการขายและจำนวนการผลิต ในช่วงนี้เป็นช่วงที่อยู่ระหว่างเก็บข้อมูลการตอบรับ เช่นเดียวกับการกำหนดราคาที่ต้องรอผลการตอบรับจากตลาด" นายนากามิเน่ กล่าวว่า ในเดือนม.ค.ปี 2558 มาสด้ายังจะเริ่มสายการผลิตระบบเกียร์อัตโนมัติ ที่โรงงานผลิตเกียร์ที่ทันสมัยแห่งหนึ่งของมาสด้า โดยจะผลิตระบบเกียร์อัตโนมัติให้กับทั้งเอเอทีและโรงงานอื่นๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ มาสด้ายังได้เพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์นั่งปัจจุบัน ที่โรงงานเอเอทีจาก 5 หมื่นคันต่อปี เป็น 1.2 แสนคันต่อปี และยังอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งใหม่ในบริเวณเดียวกับโรงงานผลิตระบบเกียร์อัตโนมัติ มูลค่า 1.2 หมื่นล้าน ซึ่งโรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งใหม่นี้ คาดว่าจะเริ่มสายการผลิตได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 พัฒนายานยนต์ไทยสอดคล้องโลก นายจักรมณฑ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้วางทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ชัดเจน เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยพัฒนาสอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก โดยอาศัยกลไกของโครงสร้างภาษีและการส่งเสริมการลงทุน เริ่มต้นจากการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ โดยเปลี่ยนหลักเกณฑ์การให้สิทธิลดหย่อนอัตราภาษีสรรพสามิต จากรถยนต์ที่มีขนาด “ซี.ซี.ต่ำ แรงม้าน้อย” มาเป็นรถยนต์ที่มีคุณสมบัติ “สะอาด ประหยัด ปลอดภัย” ต่อมา กระทรวงอุตสาหกรรมได้เปิดให้มีการส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์อีโคคาร์ เฟส 2 ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสในการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ 5 รายเดิมในการขยายกำลังการผลิตอีโคคาร์ รวมทั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการทุกรายในการผลิตอีโคคาร์ เฟส 2 ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นกว่าอีโคคาร์เฟสแรก โดยปัจจุบันมีผู้ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวม 10 ราย ทูตเยอรมันชวน"ปรีดิยาธร"ดูผลิตรถ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายรอล์ฟ ชุลเซอ เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย วานนี้ (6 พ.ย.) ว่าเยอรมันได้เชิญให้ร่วมเดินทางกับกระทรวงอุตสาหกรรมไปดูงานการผลิตรถยนต์โฟล์กสวาเกน และการทำเหมืองแร่โปแตสในเยอรมัน ในช่วงวันที่16 พ.ย.ที่จะถึงนี้ เพราะที่ผ่านมาโฟล์กได้แสดงความสนใจเข้ามาผลิตรถยนต์อีโคคาร์ในไทย และยังมีเอกชนของเยอรมันสนใจเข้ามาทำเหมืองแร่โปแตสที่จ.ชัยภูมิ ซึ่งถ้าเยอรมันเข้ามาลงทุนประกอบกิจการทั้ง 2 ประเภทในไทยจริง จะทำให้เกิดประโยชน์กับประเทศอย่างมาก ชี้ส่งเสริมไทยศูนย์ "อีโคคาร์เอเชีย" สำหรับการเข้ามาผลิตรถยนต์อีโคคาร์ในไทยของโฟล์กนั้น เชื่อว่า จะช่วยเติมเต็มอุตสาหกรรมผลิตอีโคคาร์ของไทยได้ครบทุกระดับ เพราะอีโคคาร์ของโฟล์กจะมีราคาสูงกว่าอีโคคาร์ของค่ายรถยนต์อื่นๆ และยังช่วยส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอีโคคาร์ของเอเชีย โดยที่ผ่านมาโฟล์กก็ได้ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนกับบีโอไอมาแล้ว ส่วนการเข้ามาลงทุนเหมืองแร่โปแตสเพราะเห็นว่า ไทยมีแร่ชนิดดังกล่าวมากที่สุดในเอเชีย ซึ่งอยู่ใต้ดินแต่ไม่ได้นำออกมาใช้ประโยชน์ได้มาก จึงสนใจเข้าประกอบกิจการที่จังหวัดชัยภูมิ เพราะเป็นแหล่งแร่โปแตสอาเซียน โดยเฉพาะการผลิตเป็นแม่ปุ๋ย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ไทยมีผลิตภัณฑ์จากโปแตสเข้าไปตีตลาดในภูมิภาคได้ในอนาคต "จะรอให้เอกชนเข้ามาอย่างเดียวไม่ได้ จึงต้องไปหาเขาและดึงเข้ามาลงทุนในไทย โดยในรายของโฟล์ก ที่ผ่านมาเขาก็มีคนจีบอยู่หลายประเทศ และทุกประเทศก็มีบีโอไอเหมือนไทย ดังนั้นเมื่อเห็นว่า สนใจเข้ามาลงทุนผลิตอีโคคาร์ในไทย ซ่งอาจจะมีราคาเพิ่มมาหน่อย แต่ก็ช่วยเติมเต็มให้ครบความต้องการรถชนิดนี้ได้ทุกระดับ ส่วนเหมืองแร่โปแตส เยอรมันก็สนใจเข้ามาเป็นหุ้นส่วน แม้คนจะกลัวกันว่า ขุดมาแล้วเดี๋ยวดินทรุด และกลัวว่า เมื่อเอาแร่ไปใช้หมดเหลือแต่เกลือ ซึ่งผสมอยู่กับแรงตอนขุดขึ้นมาแล้วจะส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ก็ขอสบายใจได้ เยอรมันมีเทคโนโลยีที่ดีที่สุด สะอาดที่สุด จึงต้องไปดูก่อน แล้วมาอธิบายให้ครม.เข้าใจว่าสิ่งที่จะทำไม่มีผลเสียเกิดขึ้น”ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว สนใจลงทุน "โครงสร้างพื้นฐาน" ในไทย นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตเยอรมนี ยังต้องการให้มีการเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างไทย-สหภาพยุโรปเสร็จสิ้นโดยเร็ว และยังแสดงความสนใจที่จะประมูลโครงการรถไฟรางคู่ ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งรองนายกฯ และเอกอัครราชทูตฯ เห็นร่วมกันว่า การมีส่วนร่วมในโครงสร้างพื้นฐานทางด้านระบบคมนาคมขนส่งของไทย จะช่วยเพิ่มประโยชน์ทางด้านการลงทุนให้ไทยและเยอรมนีได้ในอนาคต Tags : มาสด้า • ปรีดิยาธร • อีโคคาร์ • รถยนต์ • รถประหยัดพลังงาน