ตลาดหลักทรัพย์คาดหุ้นไอพีโอทั้งปีทะลุ50ตัวมาร์เก็ตแคปเกิน3แสนล้าน ปรับเกณฑ์รับต่างชาติเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย ตลาดหลักทรัพย์คาดหุ้นไอพีโอทั้งปีทะลุ 50 ตัวมาร์เก็ตแคปเกิน 3 แสนล้านบาท ชี้มีบริษัทจดทะเบียน เตรียมเข้าอีกเพรียบ ปรับเกณฑ์รับต่างชาติเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย หวังดึงกลุ่มบริษัทลุ่มน้ำโขง นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงาน ผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์คาดทั้งปีนี้ จะมีหุ้นที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ไอพีโอ) มากกว่า 50 หลักทรัพย์ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมกันมากกว่า 3 แสนล้านบาท โดยเป็นผลมาจากภาวะตลาดที่ดี และสถานการณ์การเมืองที่นิ่งขึ้น "ปีนี้มีหุ้นเข้ามาระดมทุนแล้ว 36 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคป 2.6 แสนล้านบาท ส่วนทั้งปีนี้ ผมมองน่าจะมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนมากกว่า 50 หลักทรัพย์ ส่งผลให้ทั้งปีมาร์เก็ตแคปหุ้นเข้าจดทะเบียนใหม่เกิน 3 แสนล้านบาท ส่วนจะสูงกว่าปีก่อนที่ 3.5 แสนล้านบาทในปีก่อน หรือไม่นั้นยังต้องลุ้น" นายชนิตร ปัจจุบันมีหุ้นที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อเนื่อง โดยไตรมาส 4 มีอยู่ในแผนแล้วกว่า 16 บริษัททั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ และคาดจะส่งผลดีไปจนถึงในปีหน้า เนื่องจากขณะนี้มีบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง จะอยู่หว่างการรอการสรุปผลประกอบการ ยื่นขอจดทะเบียนหลักทรัพย์เพื่อขายหุ้นไอพีโอในปีหน้า นายชนิตร ยังกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ ยังได้ปรับกฎเกณฑ์เพื่ออำนวยให้บริษัทต่างประเทศ เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้มากขึ้น และคาดจะมีบริษัทต่างประเทศ เข้ามาระดมทุนหลังจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศกฎเกณฑ์ทรัสต์เพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างประเทศ โดยเปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติสามารถนำสินทรัพย์เข้ามาขายในตลาดหุ้นไทยได้ ซึ่งเรื่องนี้ ก.ล.ต. ได้ผ่านการพิจารณากฎเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว และคาดจะมีบริษัทที่ขายสินทรัพย์ผ่านกฎเกณฑ์ดังกล่าวในปีหน้า นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการปรับหลักเกณฑ์ การให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนได้โดยตรง ให้มีความสะดวกมากขึ้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มบริษัทจดทะเบียนไทยที่ไปตั้งบริษัทลูกร่วมกับบริษัทในต่างประเทศ ให้นำบริษัทลูกสามารถเข้ามาจดทะเบียนได้ และหากบริษัทใดที่ไม่มั่นใจในการเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ไทยเพียงแห่งเดียว ก็สามารถเลือกขายหุ้นไอพีโอพร้อมกันใน 2 ประเทศได้ เพราะกฎเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนของกลุ่มในประเทศอาเซียนเป็นมาตรฐานเดียวกัน ในเบื้องต้นตลาดหลักทรัพย์ จะเน้นบริษัทในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าว มีการเติบโตของเศรษฐกิจสูงมากและต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอีกจำนวนมาก อีกทั้งตลาดหุ้นเพื่อนบ้านยังมีการเติบโตไม่สูงมากนัก อยู่ในระยะการตั้งตลาดการซื้อขาย ต่างจากตลาดหุ้นไทยที่มีการเปิดให้บริหารมายาวนานและได้รับความน่าเชื่อถือ นักลงทุนต่างชาติกล้าที่จะเข้ามาลงทุนผ่านตลาดหุ้นไทย การระดมทุนในตลาดหุ้นไทย จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่า Tags : นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ • ไอพีโอ • ตลาดหลักทรัพย์ • ตลาดหุ้นไทย