บีบโบรกหั่นวงเงินเทรดหุ้นร้อน คาดตลาดนำเกณฑ์ใหม่ชงบอร์ดกลางเดือนนี้ สมาคมบล.ขอความร่วมมือโบรกเกอร์ลดวงเงินบัญชีที่เทรดหุ้นผิดปกติลง 20-50% หลังมองเกณฑ์แคชบาลานซ์ไม่เพียงพอ เหตุนักลงทุนมีเงินลงทุนมากขึ้น เบื้องต้นคาดว่านโยบายนี้จะสอดคล้องกับมาตรการใหม่ของตลาดที่เตรียมประชุมบอร์ดกลางเดือน พ.ย.นี้ ขณะที่ตลาดหวังงานเซ็ทอินเดอะซิตี้ขยายฐานนักลงทุน นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยได้ขอความร่วมมือไปยังแต่ละบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิก เพื่อกำหนดแนวทางเกี่ยวกับการควบคุมดูแลบัญชีที่มีการซื้อขายผิดปกติ ทั้งทางด้านราคาและปริมาณการซื้อขาย โดยขอให้ทางบริษัทหลักทรัพย์ปรับลดวงเงินการซื้อขายของบัญชีนั้นๆ ลง 20-50% โดยกำหนดใช้กับบัญชีทุกรูปแบบ ได้แก่ บัญชีเงินสด บัญชีวางเงินล่วงหน้า บัญชีกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ “การขอความร่วมมือสำหรับแนวทางการควบคุมดูแลผู้ลงทุนในครั้งนี้ ต้องการจะทำให้เป็นระบบจริงจังมากขึ้น ซึ่งแต่เดิมก็มีบางบริษัทหลักทรัพย์ใช้แนวทางนี้อยู่บ้างแล้ว โดยหลักๆ จะควบคุมหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายและราคาที่ผิดปกติ โดยเฉพาะบัญชีที่มีการซื้อขายหุ้นที่ได้รับการเตือนจากตลาดผ่านเกณฑ์แคชบาลานซ์หรือเทรดดิ้ง อะเลิร์ท ในเบื้องต้นคาดว่าแนวทางนี้จะสอดคล้องกับมาตรการใหม่ที่จะออกมาควบคุมหุ้นร้อนของตลาด ซึ่งเตรียมจะนำเข้าประชุมบอร์ดกลางเดือน พ.ย. นี้” นางภัทธีรา กล่าว นางภัทธีรา กล่าวต่อว่า ในขณะนี้มองว่าเกณฑ์แคชบาลานซ์นั้นไม่เพียงพอต่อการควบคุมดูแลผู้ลงทุน เนื่องจากปัจจุบันผู้ลงทุนมีเงินที่นำมาลงทุนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในหุ้นขนาดเล็กซึ่งโดยปกติแล้วบริษัทหลักทรัพย์จะไม่ได้ให้วงเงินกู้ยืมสำหรับหุ้นเหล่านี้ ทำให้มีการซื้อขายเก็งกำไรด้วยเงินลงทุนของตนเองกันอย่างมาก สำหรับแนวโน้มทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,700-1,750 จุด จากแรงหนุนของ 3 ธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งจะได้รับแรงหนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล รวมถึงธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มปล่อยสินเชื่อมากยิ่งขึ้น จากปีนี้ชะลอการปล่อยสินเชื่อจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอลง ทั้งนี้คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนน่าจะโตประมาณ 12-15% “ภาพรวมในปีนี้คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตประมาณ 10% และคาดว่าดัชนีในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1,600 จุด แต่ทั้งนี้มองว่าหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดนั้นราคาเต็มมูลค่าพื้นฐานของบริษัทเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ ทำให้ช่วงนี้นักลงทุนหันไปเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กกันมากขึ้น” นางภัทธีรา กล่าว นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวต่อว่า ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในปีหน้าคือความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะปรับตัวขึ้นเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดเอาไว้ คือช่วงกลางปี 2558 รวมไปถึงความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มยุโรปและจีน อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทย ด้านนางบุญพร บริบูรณ์ส่งศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในขณะนี้บริษัทได้รับทราบแนวทางที่ทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ขอความร่วมมือมาแล้ว ซึ่งการจะปรับลดวงเงินของผู้ลงทุนลงนั้น เบื้องต้นจะใช้วิธีการเตือนไปยังบัญชีที่มีการส่งคำสั่งไม่เหมาะสม และหากยังมีพฤติกรรมเช่นเดิมก็จะใช้วิธีการปรับลดวงเงินลง “ขณะนี้บริษัทก็พยายามเตือนผู้ลงทุนที่ลงทุนในหุ้นขนาดเล็กที่ไร้ปัจจัยพื้นฐานรองรับอยู่ และที่สำคัญบริษัทยังมีเกณฑ์ควบคุมดูแลของตัวเองอีกด้วย โดยเป็นเกณฑ์แคชบาลานซ์เช่นเดียวกับของตลาด แต่ต่างกันตรงที่ทางบริษัทจะเข้มงวดกว่า อาทิ หุ้นที่หลุดเกณฑ์แคชบาลานซ์ของตลาดแล้ว แต่ทางบริษัทอาจจะหุ้นนั้นๆ ติดเกณฑ์ต่อไป หากบริษัทมองว่ายังมีความเสี่ยงอยู่ สำหรับกระแสการเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กในขณะนี้ ส่วนตัวมองว่าเกิดจากการเก็งกำไรในหุ้นไอพีโอของตลาด เอ็ม เอ ไอ ในช่วงที่เข้าตลาดวันแรกและราคาปรับขึ้นไปมาก ทำให้เกิดการเก็งกำไรในหุ้นไอพีโอตัวต่อๆ มาด้วย แต่ทั้งนี้ยังมองว่าการตั้งราคาไอพีโอนั้นมีเหมาะสมดีแล้ว” นางบุญพร กล่าว ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันที่ 20-23 พ.ย. นี้ ตลาดหลักทรัพย์เตรียมจัดงาน ‘SET in the City 2014’ เป็นปีที่ 10 ภายใต้แนวคิด ‘ปีที่การลงทุนจะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล’ โดย 10 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 6 แสนคน หรือกว่า 1 ล้านบัญชี และจำนวนผู้ลงทุนในกองทุนรวมเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านบัญชี จากไม่ถึง 7 แสนบัญชี สำหรับความพิเศษของงานปีนี้คือความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ 100 องค์กร รวมถึงตลาดหลักทรัพย์เตรียมปรับปรุงระบบเพื่อให้ผู้ลงทุนเข้าถึงข้อมูลได้ครอบคลุมและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2557 ดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,577.40 จุดลดลง 7.75 จุด คิดเป็น 0.49% มูลค่าการซื้อขายรวม 5.6 หมื่นล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ 2.4 พันล้านบาท Tags : โบรกเกอร์ • เทรดหุ้น • บริษัทหลักทรัพย์ไทย • นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ