เอลันตร้า สปอร์ต อุปกรณ์ครบสมรรถนะพอตัว

หัวข้อกระทู้ ใน 'ยานยนต์' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 3 พฤศจิกายน 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    หลังจากเปลี่ยนแหล่งนำเข้าจากเกาหลีมาเป็นมาเลเซียทำให้ต้นทุนด้านภาษีลดไปอย่างมาก

    เนื่องจากมีสิทธิพิเศษด้านภาษีจากเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือว่าอาฟต้า ก็ทำให้ฮุนได เอลันตร้า สปอร์ต ขยับตัวได้มากขึ้น จากอดีตที่ต้องทำตลาดอย่างค่อนข้างอึดอัด เนื่องจากถูกข้อจำกัดด้านราคา และคู่แข่งในตลาดที่ล้วนแต่ไม่ธรรมดา บีบเสียทุกด้าน ซึ่งมีผลทำให้เอลันตร้า โฉมก่อนหน้านี้ ทำตลาด 2 ปี กับยอดขายประมาณ 200 คัน

    แต่กับเอลันตร้า สปอร์ต จากฐานผลิตมาเลเซีย หลังเปิดตัวได้ประมาณ 1 เดือน สามารถสร้างยอดจองได้กว่า 300 คัน แน่นอนว่านำมาซึ่งความปลาบปลื้มของฮุนไดแน่ แม้ว่าตัวเลขนี้ถ้าหากนำไปเทียบกับค่ายอื่นๆในตลาดเดียวกัน ถือว่าน้อยก็ตาม แต่ก็เป็นการทำให้รถยนต์นั่งฮุนได เข้าสู่สารบบของรถยนต์' class='anchor-link' target='_blank'>ตลาดรถยนต์
    ไทย หลังจากก่อนหน้านี้ก็เป็นที่รู้กันว่า ฮุนไดแม้จะติดตลาด แต่ก็มาจากรถในตระกูล เอช 1 เป็นหลัก
    แต่ก็ต้องยอมรับครับว่า ฮุนไดยุคใหม่ก็ออกแบบได้โฉบเฉี่ยว รูปลักษณ์ออกไปทางอารมณ์สปอร์ต ถ้าจัดกลุ่มในตลาด ซี-เซ็กเมนต์ ปัจจุบัน ก็น่าจะต้องไปอยู่กลุ่มเดียวกับมาสด้า 3

    การออกแบบเน้นการใช้เส้นสายที่คม และกล้าเล่นกับรูปลักษณ์ของอุปกรณ์ส่วนย่อยต่างๆ เช่น ไฟหน้า หรือไฟตัดหมอกที่มีรูปทรงแปลกตา ผสมกันระหว่างเส้นคมกับเส้นโค้ง กระจังหน้ารูปทรง 6 เหลี่ยมขนาดใหญ่ ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ และไฟหรี่แอลอีดี เพิ่มความสวยงาม หรูหรา ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ออกแบบมีเอกลักษณ์ และเข้ากันได้ดีกับตัวรถ

    ส่วนระบบที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ที่อยู่ภายนอก ก็เป็นว่าไฟหน้าอัตโนมัติ ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

    แต่สิ่งที่ผมรู้สึกไม่คุ้น ไม่ชิน มานาน ก็คือ โลโก้

    มาดูที่ภายใน ต้องบอกก่อนว่ารุ่นที่ผมขับเป็นตัวท็อปครับ ซึ่งภายในเลือกใช้สีดำ เพื่อเติมความดุดัน สปอร์ตเข้าไป การออกแบบที่นั่งเป็นแบบแนวลึก เน้นความรู้สึกเหมือนนั่งจมเข้าไปในตัวรถ ซึ่งก็จะให้ความรู้สึกมั่นคง สปอร์ต มากกว่ารู้สึกโปร่งสบายๆ

    เป็นความรู้สึกนะครับ แต่ว่าในด้านของพื้นที่ห้องโดยสาร ก็กว้างขวาง ไม่น้อยหน้าคู่แข่งในตลาดเดียวกัน และก็เพิ่มความสบาย ด้วยช่วงแอร์สำหรับเบาะนั่งแถวหลัง ขณะที่การปรับอุณหภูมิก็แยกอิสระซ้าย-ขวา ให้เลือกระดับให้เหมาะกับการรับรู้ของผิวแต่ละคน

    เบาะคนขับปรับไฟฟ้า แถมด้วยที่ดันหลัง ส่วนเบาะหลังออกแบบให้พับได้แบบ 60:40 เพื่อเพิ่มความสะดวกในการบรรทุกสิ่งของที่ความยาวของห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายเอาไม่อยู่

    ระบบและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถ ฮุนไดใส่มาไม่น้อยทีเดียว เริ่มจากตัวสำคัญที่ยังไม่มีใครทำก่อน ก็คือ พวงมาลัยที่ปรับน้ำหนักได้ 3 รูปแบบ คอมฟอร์ต ที่เบาๆ สบายๆ เหมาะกับกินลมชมวิว หรือขับช้าในสภาพจราจรหนาแน่น หรือพวกลานจอดรถ ที่จะต้องใช้การหมุนพวงมาลัยบ่อยครั้งและมากๆ ถัดมาก็เป็น นอร์มอล น้ำหนักทั่วๆไป และ สปอร์ต ที่จะเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น รองรับการขับขี่แบบเร็ว ซึ่งจะให้การควบคุมรถทำได้ง่ายขึ้น

    ซึ่งก็ช่วยได้ระดับหนึ่งครับ กับการปรับใช้แบบสปอร์ต น้ำหนักเพิ่มขึ้นให้รู้สึกได้ แต่ไม่มากกว่า นอร์มอลเท่าไรนัก แต่จะเห็นชัดเจน เมื่อขับในช่วงโค้ง ที่น้ำหนักพวงมาลัยจะดึงมือชัดเจน ตรงนี้ดีครับ ช่วยการขับฝ่าเส้นทางโค้งควบคุมได้มั่นใจมากขึ้น

    พวงมาลัย เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมการทำงานของเครื่องเสียง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และข้อมูลการแสดงผลที่หน้าปัด ซึ่งการแสดงข้อมูลก็เช่น ทริปมิเตอร์ 2 ช่อง เวลาการเดินทาง ระยะทางที่เชื้อเพลิงที่เหลือจะใช้งานได้ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย ความเร็วเฉลี่ย และการเตือนให้เจ้าของรถนำรถเข้ารับการบริการ และก็มีอีโค ไกด์ เอาไว้ใครที่ต้องการขับให้ประหยัดน้ำมันได้ใช้กัน

    การติดหรือดับเครื่องยนต์ ก็เป็นไปตามสมัยนิยมนั่นคือแบบปุ่มกด กุญแจไม่ต้อง และยังมีระบบนำทาง เครื่องเล่นดีวีดี มีบลูทูธ เอาไว้เชื่อมต่อข้อมูล หรือว่าโทรศัพท์มือถือ

    อ้อ อีกอย่างกระจกมองหลังเป็นแบบปรับแสงอัตโนมัติ ช่วยได้เยอะเมื่อขับขี่ในเวลากลางคืน

    เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 178 นิวตันเมตรที่ 4,700 รอบ/นาที ซึ่งจากสเปกก็ถือกำลังดี ไม่น้อย และก็ไม่มากจนเกินตัว ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

    แต่การขับขี่จริงก็ต้องถือว่าทำได้ดี การออกตัวอาจจะไม่ร้อนแรงนัก แต่อัตราเร่งช่วงกลางทำได้ดี แน่นอนว่าเป็นช่วงที่เราใช้ในการขับขี่ทั่วไปบ่อยที่สุด เพราะต้องเร่งแซง หรือเร่งเพื่อให้พ้นอุปสรรค ความเสี่ยงต่างๆ ส่วนความเร็วปลายก็ไล่ขึ้นไปได้ดี โดยสภาพจราจรบนถนนเส้นแม่สอด แม่ระมาด ช่วงสั้นๆ เอื้อให้ผมทำได้ประมาณ 170 กม./ชม.

    ช่วงล่างใช้ได้ ค่อนข้างนิ่ง กับการขับทั้งทางตรง หรือโค้งที่คมใช้ได้ แต่ยังให้ความรู้สึกผสมๆกันระหว่างอารมณ์สปอร์ต กับความนุ่มสบายๆ ไม่ได้ออกไปทางใดทางหนึ่งชัดเจน แต่ก็ย้ำอีกครั้งว่าไว้ใจได้ครับ

    ทั้งนี้เอลันตร้าเขาก็ให้ตัวช่วยในการควบคุมรถมาหลายตัว เช่น ระบบรักษาเสถียรภาพของรถ หรือ ESP ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยในช่วงที่ ESP ทำงาน หรือ VSM

    ส่วนเรื่องของเสียงยางมีเข้ามาพอสมควร แต่ก็อยู่ในระดับที่รับได้ครับ

    Tags : เอลันตร้า สปอร์ต • ยานยนต์ • ฮุนได • ตลาดรถยนต์ • ทดสอบ • รถยนต์ • สมรรถนะ • อุปกรณ์ • เกาหลี

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้