จับตาโค้งสุดท้ายตลาดรถ รถใหม่พยุงยอดหลังแคมเปญไร้ผล ตลาดรถยนต์ผ่านไป 3 ไตรมาส มียอดขาย 6.48 แสนคัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 37% ทำให้ค่ายรถยนต์หลายค่าย ทำใจยอมรับแล้วว่า ตลาดปีนี้คงไม่ถึง 1 ล้านคันตามที่คาดหมาย เนื่องจากไตรมาสสุดท้ายที่เหลือ หากยอดขายจะแตะหลักล้านได้ จะต้องขายให้ได้อีก 3.52 แสนคัน หรือมากกว่าเดือนละ 1 แสนคัน ซึ่งตั้งแต่ช่วงกลางปี 2556 ที่ผ่านมา ถึงปัจจุบัน ยังไม่มีเดือนไหนที่ทำยอดได้ระดับ 1 แสนคัน และที่สำคัญยังห่างจากระดับดังกล่าวค่อนข้างมาก โดยทำได้ใกล้เคียงกับเดือนล่าสุด คือระดับ 6-7 หมื่นคัน เท่านั้น และแม้ว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้าย โดยปกติจะเป็นช่วงฤดูการขายที่สำคัญ แต่เดือนแรกของไตรมาส คือ ต.ค.ที่เพิ่งจะผ่านไป ผู้ประกอบการ เชื่อว่าจะไม่สามารถช่วยกอบกู้ตลาดได้มากนัก เช่น ฉันทนา วัฒนารมย์ ประธาน บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ช่วงนี้ผู้บริโภคต้องการเลือกมากขึ้น จากการที่ค่ายรถพยายามเสนอทางเลือกที่หลากหลาย และร้อนแรงมาโดยตลอด ทำให้ผู้บริโภคจึงคาดหวังว่าจะมีข้อเสนอที่พิเศษมากยิ่งขึ้น ในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น งานแสดงรถยนต์ ซึ่งช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้ก็จะมีงานใหญ่อีก 1 งาน ก็คือ มหกรรมยานยนต์ ทำให้ชะลอการซื้อออกไปก่อน เพื่อรอดูแคมเปญภายในงานดังกล่าว แม้ว่าบริษัทรถยนต์หลายค่าย พยายามจะสื่อสารว่าแคมเปญก่อนงานกับในงานจะไม่แตกต่างกันก็ตาม จึงเชื่อว่าไตรมาสสุดท้าย โอกาสในการขายก็จะเสียไปกับอีก 2 เดือน คือ ต.ค.และพ.ย.ที่จะมียอดขาย ยอดจองเข้ามาไม่มากนัก ต้องรอจนกว่าจะถึง ธ.ค.ที่มีตัวเลขของงานมหกรรมยานยนต์เข้ามาช่วยเหลือ แต่คงไม่ทันเวลา ขณะที่ วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า เดือน ต.ค.ตลาดรถยนต์ยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาใหญ่ ก็คือสินค้าการเกษตรยังมีราคาที่ไม่ดีนัก ซึ่งทำให้ฉุดกำลังซื้อลงไปมาก รวมไปถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคล่าสุดที่ลดต่ำลง แม้ว่าจะมีสัญญาณบวกและปัจจัยบวกหลายอย่างเกิดขึ้น เช่น เสถียรภาพทางการเมือง หรือว่านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ อย่างไรก็ตามหวังว่า หลังจากนี้อีกระยะหนึ่ง ทุกอย่างจะปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยบวกดังกล่าว แม้ว่าภาพรวมตลาดยังคงซึมเซา แต่อย่างไรก็ตามตลาดรถยนต์ยังคงคาดหวังจะได้รับแรงกระตุ้นอื่นๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะสินค้าใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดอีกหลายรุ่น ในยุคที่แคมเปญไม่ได้ผลเท่าที่ควร ซึ่งรถที่จะเปิดตัวแน่นอนแล้วในช่วงปลายปีที่น่าจับตามอง ว่าจะมีส่วนผลักดันยอดขาย โดยเฉพาะตลาดรถยนต์นั่งที่หดตัวค่อนข้างรุนแรง ก็คือ มาสด้า 2 ที่จะเปิดสายการผลิตอย่างเป็นทางการที่โรงงาน เอเอที จ.ระยอง 6 พ.ย.นี้ มาสด้า 2 ซึ่งเคยทำตลาดในกลุ่ม ซับคอมแพคท์ และได้รับการตอบรับไม่น้อย จะปรับตำแหน่งไปลงไปเล่นในตลาดอีโค คาร์ ซึ่งโครงสร้างภาษีจะช่วยให้ราคาจำหน่ายลดลงไปมาก ขณะที่ สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองประธานฝ่ายการตลาดและการขาย บอกว่า ราคาลดลงไป แต่เทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้เครื่องยนต์ขนาด 1.3 ลิตร ให้สมรรถนะในระดับ 1.5 ลิตรที่ใช้ในตัวเดิม ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ลูกค้าจะไม่ตอบรับ จึงเชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ ขณะที่ฮอนด้า ก็เตรียมเปิดตัว เอชอาร์-วี รถเอสยูวี ขนาดเล็กลงสู่ตลาดอีก 1 รุ่น เพื่อร่วมชิงชัยในตลาดที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น หลังการเข้ามาของนิสสัน จู๊ค และฟอร์ด เอคโค่ สปอร์ต ซึ่งรถในกลุ่มนี้ เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น จากความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย และเหมาะสมกับสภาพเส้นทาง หรือดินฟ้าอากาศในปัจจุบัน ที่อาจจะมีฝนตก น้ำท่วมขังได้ทุกเวลา ในขณะที่ราคาก็อยู่ในเกณฑ์ที่จับต้องได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีรถที่มีกระแสข่าวว่าจะเปิดตัวอีกหลายรุ่น โดยเฉพาะตลาดปิกอัพ ซึ่งค่ายรถก็คงจะตั้งความหวังว่ารถเหล่านี้จะเข้ามาช่วยตลาดได้บ้าง แม้ปีนี้จะไม่ถึงเป้า แต่ขอให้ไม่ตกลงไปมากกว่านี้ ก็ยังดี Tags : ยานยนต์ • ตลาดรถยนต์ • จับตา • แคมเปญ • ยอดขาย • รถใหม่