"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร" เตรียมดันมาตรการส่งเสริมการจัดตั้งบริษัทแม่ในไทย หวังเกิดการลงทุนใหม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “ยุทธศาสตร์ประเทศ บนฐานเศรษฐกิจใหม่” โดยระบุถึงการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศว่า รัฐบาลเตรียมมาตรการหลายอย่างที่ทำให้เกิดการลงทุนใหม่ในประเทศไทย เช่น การออกมาตรการส่งเสริมให้บริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศไทยสามารถใช้กรุงเทพฯ เป็นฐานการลงทุนเพื่อเชื่อมโยงกับการลงทุนในภูมิภาค สำหรับมาตรการที่จะออกมามีทั้งมาตรการภาษีและไม่ใช่ภาษี โดยมาตรการที่เกี่ยวข้องกับภาษี เช่น มาตรการเกี่ยวกับภาษีเงินได้ของบริษัทที่เข้ามาลงทุน ที่ผ่านมาประเทศอื่นไม่ได้จัดเก็บภาษีในส่วนของสินค้าที่นำเข้าและขายต่อ หรือเป็นธุรกรรมแบบเทรดดิ้ง แต่ไทยมีการจัดเก็บภาษีดังกล่าว หากยกเว้นภาษีเหล่านี้ได้ก็จะเป็นการสนับสนุนให้มีการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ส่วนมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี เช่น มาตรการขยายเวลาการให้วีซ่านักธุรกิจเข้ามาลงทุน เพราะที่ผ่านมาการให้วีซ่ามีระยะเวลา 90 วัน ทำให้นักลงทุนต้องเดินทางออกนอกประเทศและกลับเข้ามาเพื่อทำวีซ่าใหม่ เรื่องนี้อาจจะทำให้ไม่ได้รับความสะดวก ซึ่งสามารถขยายเวลาการให้วีซ่านานขึ้น เช่น ระยะเวลา 2 ปี ทำให้นักลงทุนได้รับความสะดวกมากขึ้น ซึ่งมาตรการทั้งหมดที่จะดำเนินการยังมีอีกมากประมาณ 15-16 มาตรการ หลังจากได้ข้อสรุปชัดเจนว่าจะดำเนินการมาตรการใดบ้าง จะขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีภายใน 3 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อประกาศให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวถึงมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากการปรับเปลี่ยนบทบาทของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า ที่ผ่านมาอาจเน้นการให้สิทธิประโยชน์กับบริษัทข้ามชาติที่มาลงทุนในไทย แต่ในอนาคตจะมีการส่งเสริมธุรกิจคนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศ โดยมีมาตรการต่าง ๆ ออกมาสนับสนุน ขณะนี้มีการจัดตั้งหน่วยงานที่จะขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวแล้วในองค์กรบีโอไอ นอกจากนี้ นโยบายสำคัญที่รัฐบาลจะดำเนินการเร็ว ๆ นี้ คือ การยกร่างกฎหมายเพื่อสนับสนุนดิจิตอลอีโคโนมี หรือการส่งเสริมให้มีการใช้ระบบไอทีเพื่อสนับสนุนธุรกิจและการค้า การศึกษา และงานด้านอื่น ๆ ของประเทศที่เป็นเชิงยุทธศาสตร์ การจัดตั้งคณะกรรมการดิจิตอลอีโคโนมีแห่งชาติภายในสิ้นปีนี้ เพื่อสนับสนุนและประสานงานให้งานด้านนี้ที่เคยกระจายในหลายหน่วยงานมีเจ้าภาพที่ชัดเจน หลังจากดำเนินการเสร็จภารกิจของรัฐบาลนี้จะใช้เวลาอีก 12 เดือนในการวางรากฐานพัฒนาดิจิตอลอีโคโนมีของประเทศ เพื่อให้รัฐบาลใหม่มาสานงานต่อ ส่วนตัวเลขการส่งออกเดือนกันยายนไม่ดีเท่าที่คาดการณ์ไว้นั้น รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกมีการปรับขึ้นลงตามทิศทางเศรษฐกิจโลก ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยมีปัญหา แต่ปัญหาเกิดจากเศรษฐกิจโลก รวมทั้งปีที่ผ่านมาไทยประสบปัญหาการส่งออกกุ้ง ทำให้การส่งออกลดลงบ้าง Tags : ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล • เศรษฐกิจ • รัฐบาล • การลงทุน