ไออาร์พีซี รับประเมินราคาน้ำมันยาก เหตุแนวโน้มยังลงต่อเนื่อง ห่วงราคาร่วงไม่หยุดกระทบต้นทุนกลุ่มบริษัทโรงกลั่น นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางราคาน้ำมันยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเดือน ต.ค. ที่ราคาปรับตัวลดลงจาก 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เหลือ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้ทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ของธุรกิจโรงกลั่นคาดการณ์ได้ลำบาก "ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 นั้นคาดการณ์ลำบาก เพราะราคาน้ำมันยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะกระทบกับสต็อกน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นทุนกลุ่มบริษัทโรงกลั่นส่วนใหญ่ในไทย แต่บริษัทยังหวังว่าราคาน้ำมันจะมีทิศทางที่ดี เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นฤดูหนาวในหลายประเทศ เป็นช่วงที่ความต้องการใช้น้ำมันสูงที่สุดในรอบปี" เขากล่าวว่าสิ่งที่ต้องรอดูคือท่าทีของกลุ่มโอเปคว่าจะลดกำลังการผลิตหรือไม่ ซึ่งหากโอเปคลดกำลังการผลิตเท่ากับความต้องการใช้พลังงาน จะช่วยให้ราคาน้ำมันรักษาระดับอยู่ที่ 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่หากลดกำลังการผลิตมากกว่าความต้องการใช้พลังงาน จะช่วยให้ราคาน้ำมันกลับปรับตัวขึ้นไป ที่ 90 - 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับแผนการลงทุนในปี 2558 บริษัทจะลงทุนขยายกำลังการผลิต โพลีโพรเพลีน (PP) เพิ่มขึ้น จากเดิม 4.75 แสนตัน มาอยู่ที่ 7.75 แสนตันต่อปี โดยจะใช้งบลงทุน 200 ล้านดอลลาร์ ขยายกำลังการผลิตใน 2 แนวทาง คือ 1.ขยายกำลังการผลิตของโรงงานเดิม 1.6 แสนตัน และ 2.ขยายการผลิตในรูปแบบใหม่ 1.4 แสนตัน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2558 และใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี บล. เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า กำไรในไตรมาสที่ 3 จะปรับตัวลดลง จากไตรมาส 2 โดยเป็นผลจากกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นเป็นหลัก ซึ่งเป็นไปตามค่าการกลั่นที่ปรับตัวลดลงถึง 23% จากไตรมาสก่อน ทำให้ต้องเผชิญกับการบันทึกขาดทุนสต็อกน้ำมันในระดับสูง ผลจากราคาน้ำมันดิบอ้างอิงตลาดดูไบปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเดือน ก.ย. สถานการณ์ข้างต้นทำให้ค่าเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบในเดือน ก.ย.อยู่ที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำกว่าราคาปิดไตรมาสที่ 2 ถึง 8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้โรงกลั่นทั้ง 54 โรงในไทยต้องเผชิญกับการขาดทุนสต็อกน้ำมัน 1.5 - 2 พันล้านบาท ในงวดไตรมาสที่ 3 แต่ทั้งปียังคาดว่ายังได้กำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์และสายอะโรเมติกส์ที่ปรับตัวขึ้นมาช่วยชดเชยได้บางส่วน ส่วนแนวโน้มในไตรมาสที่ 4 ทิศทางค่าการกลั่นจะอยู่ในช่วงขาขึ้นไปจนถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2558 ผลจากการเข้าสู่ช่วงหน้าหนาวของหลายประเทศถือว่าเป็นช่วงที่มีค่าการกลั่นสูงสุดในรอบปี แต่หากพิจารณาจากการกลั่นทั้งปี 2557 พบว่าอยู่ที่ 4.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สอดคล้องกับสมมติฐานของบริษัท โดยแนวโน้มค่าการกลั่นในปี 2558 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2557 แม้ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปจะเพิ่มขึ้น แต่เมื่อหักล้างกับน้ำมันที่ถูกจำหน่ายในท้องตลาด มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเปิดโรงกลั่นใหม่ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยคาดว่าปริมาณน้ำมันที่จะถูกผลิตออกมาเพิ่มเติมในปี 2558 อยู่ที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ใกล้เคียงกับการเติบโตของความต้องการที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตามสำหรับการลงทุนนั้น ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักเท่ากับตลาด เนื่องจากการฟื้นตัวของกลุ่มล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้แนวโน้มกำไรกลุ่มในครึ่งปีหลังไม่สดใส ทั้งนี้บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที จีซี โดดเด่นมากที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากภาพรวมธุรกิจดูแข็งแกร่ง โดยเป็นผู้ประกอบการปิโตรเลียมสายโอเลฟินส์รายใหญ่สุด และที่ผ่านมาแม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลง ซึ่งสะท้อนปัจจัยลบหลักเรื่องความกังวลในการปรับโครงสร้างราคาแอลพีจี ไปมากแล้ว ทำให้ราคาหุ้นมีความเสี่ยงปรับตัวลดลงค่อนข้างจำกัด มีระดับราคาปิดกำไรต่อหุ้น (พี/อี) 9.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่ 13 เท่า และมีเงินปันผล 5% ต่อปี Tags : สุกฤตย์ สุรบถโสภณ • ไออาร์พีซี • ราคาน้ำมัน • กลุ่มโรงกลั่น