นายกรัฐมนตรี รับ มีชื่อ กมธ.ยกร่าง รธน. ของ ครม. แล้ว รอเปิดเผยหลังคุย คสช. ขณะสัมปทานปิโตรเลียม ให้ สปช. ทำข้อสรุปใน 2 เดือน กำชับ จนท. ติดตามผู้ก่อการร้ายชาวอินเดีย ขณะที่ พล.อ.อุดมเดช ยัน ไม่พบการเคลื่อนไหวผู้ก่อการร้ายอินเดียในนราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เปิดเผยว่า ขณะนี้มีรายชื่อของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผย โดยจะมีความชัดเจนในวันประชุมร่วมกันระหว่างครม. และ คสช. ในวันที่ 4 พ.ย. นี้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญไม่มีการกีดกันใคร ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องของการเปิดสำรวจปิโตรเลียม 29 แปลง รวมถึงเรื่องการปรับโครงสร้างพลังงานนั้น จะให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ไปหารือกันให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน โดยพร้อมรับฟังมติของ สปช. พร้อมยืนยันว่า สัมปทานทั้ง 29 แปลง ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ส่วนการคุยเรื่องแหล่งพลังงานกับประเทศเพื่อนบ้าน จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศ โดยยึดหลักความโปร่งใส ซึ่งในเรื่องพื้นที่ทับซ้อนจะพูดคุยกันอย่างเปิดเผย พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการแต่งตั้ง นางสุวณา สุวรรณจูฑะ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ว่า เป็นไปตามที่กระทรวงยุติธรรมได้เสนอมา ซึ่งตนคาดหวังให้ทำงานตามหน้าที่ให้ดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ส่วนคดีต่าง ๆ ที่อยู่ในดีเอสไอนั้น ให้ดำเนินการอย่างเป็นธรรมในทุกคดี โดยส่วนตัวไม่ได้เร่งรัดคดีใดเป็นพิเศษ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าผู้ก่อการร้ายชาวอินเดียและเป็นมือประกอบระเบิดคาร์บอมบ์หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยนั้น ในเบื้องต้นไม่ทราบว่าได้เข้ามาในประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามอยู่ ทั้งนี้ อยู่ในข้อตกลงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนทั่วประเทศ ผบ.ทบ.ปัดมือบึ้มอินเดียซุกไทยโยงไฟใต้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวก่อนเข้าประชุมคณะกรรมการอำนวยการสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (บอร์ดช่อง 5) ถึงกรณีทีมีข่าว นายจาก์ตา ซิงค์ ทารา ผู้ต้องขังชาวอินเดียหลบหนีจากเรือนจำในประเทศอินเดียมากบดานใน จ.นราธิวาส ว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบว่าเข้ามาในประเทศไทย และไม่พบความเคลื่อนไหวเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวังชายแดนภาคใต้ ขณะนี้ได้สั่งการให้เข้มงวดด่านตรวจจุดผ่านเข้า-ออก รวมถึงงานข่าวด้านเชิงลึกแล้ว ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช กล่าวถึงส่วนเหตุการณ์ลอบวางเพลิงองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า กลุ่มก่อความไม่สงบอาจจะเปลี่ยนเป้าหมาย หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารได้มีความเข้มข้นในการดูแลรักษาโรงเรียน ตามการปฏิบัติตามแผนทุ่งยางแดงโมเดล ทำให้ไปก่อเหตุในสถานที่อื่นเพื่อสร้างพื้นที่ข่าว พร้อมชมเชยว่าเจ้าหน้าที่สามารถดูแลสถานการณ์ได้ดีแล้ว ส่วนความคืบหน้าการพูดคุยเพื่อสันติสุขนั้น ขณะนี้มีการเสนอแนวทางและแผนให้กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงพิจารณาแล้ว คาดว่าจะมีการอนุมัติ เร็ว ๆ นี้ เมื่อแผนโดยภาพรวมมีการอนุมัติโดยเฉพาะชื่อผู้ที่รับผิดชอบในการพูดคุยต่อไป