คลังเผย3ปีแก้หนี้นอกระบบเหลือ72ล. ชี้ปัญหาร้องเรียนสูงสุด "ทวงหนี้รุนแรง-เจ้าหนี้ไม่ประนอมหนี้-ดอกเบี้ยแพง" นายชนะชัย ประยูรสิน ผู้อำนวยการสำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน กระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบัน มีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากหนี้นอกระบบ ร้องเรียนมายังกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ช่วยเหลือทั้งสิ้น 31,147 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 2,600 ล้านบาท สำหรับปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามามากที่สุด ได้แก่ การโดนทวงหนี้ด้วยความรุนแรง รองลงมา คือ การขอเจรจาประนอมหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้ไม่ยินยอม จึงต้องการให้กระทรวงการคลังเป็นตัวกลาง อันดับ 3 ปัญหาคิดดอกเบี้ยในอัตราสูง จนไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ไหว "ข้อมูลที่ร้องเรียนเข้ามา มีการคิดดอกเบี้ยตั้งแต่ 2% ต่อเดือนไปจนถึง 5% ต่อเดือน สูงสุดอยู่ที่ 70% ต่อปี" นายชัยชนะ กล่าว จากข้อร้องเรียนดังกล่าว กระทรวงการคลัง ได้ส่งต่อลูกหนี้ไปให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อให้เข้าช่วยเหลือแล้ว 30,783 ราย ซึ่งยังไม่ได้ติดตามว่า มีการช่วยเหลือได้มากน้อยเพียงใด แต่ช่วงที่มีการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบก่อนหน้านี้ ทั้งสองธนาคารสามารถช่วยลูกหนี้นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบรวมกันกว่าแสนราย ขณะนี้จึงยังเหลือเรื่องร้องเรียนอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 364 ราย มูลหนี้ 72 ล้านบาท "กลุ่มลูกหนี้กว่า 30,000 ราย ที่ร้องเรียนผ่านมายังกระทรวงการคลัง อาจเป็นกลุ่มที่ได้รับการช่วยเหลือไปแล้ว ซึ่งปีนี้ยอมรับว่าจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้มีการร้องเรียนเรื่องหนี้นอกระบบเข้ามามากขึ้น เฉพาะเดือนมิ.ย.-ส.ค.ที่ผ่านมา มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาถึง 507 ราย เมื่อรายได้ไม่เพียงพอ ประชาชนจึงต้องหันไปพึ่งเจ้าหนี้เงินกู้ แม้ดอกเบี้ยสูงก็ตาม" อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารงาน กระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และได้รับความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ในการสนับสนุนให้องค์กรชุมชนที่เข้มแข็งเข้ามาทำหน้าที่เป็นสถาบันการเงินปล่อยกู้ให้สมาชิกแทนการพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลัง ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแลหนี้นอกระบบ รวมทั้งอยู่ระหว่างคัดเลือกชุมชนเข้มแข็งมาเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ โดยจะมีธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงทั้งในแง่การดูแลการทำบัญชีและการให้เงินทุน โดยส่วนใหญ่องค์กรชุมชน หรือ สหกรณ์ชุมชนจะคิดดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อเดือน ต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบค่อนข้างมาก รวมทั้งกำลังศึกษาว่าจำเป็นต้องมีกฎหมายขึ้นมาดูแลองค์กรชุมชนหรือไม่ ซึ่งองค์กรส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ทางการเข้ามากำกับดูแล โดยต้องการบริหารงานเองมากกว่า สำหรับแนวทางการสนับสนุนให้เกิดนาโนไฟแนนซ์ในภาคเอกชน มองว่า เป็นการช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบได้อีกทางหนึ่ง เพราะเป็นการดึงเจ้าหนี้เงินกู้ให้เข้ามาอยู่ในระบบ ทำหน้าที่ปล่อยกู้อย่างถูกกฎหมาย และสามารถคิดดอกเบี้ยได้สูง แต่ยังต่ำกว่าที่เคยเรียกเก็บ ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีภาระลดลง และได้รับความเดือดร้อนจากการทวงหนี้โหดน้อยลงด้วย Tags : นายชนะชัย ประยูรสิน • กระทรวงการคลัง • ธ.ก.ส. • คสช. • หนี้นอกระบบ