ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 รุกธุรกิจซื้อหนี้บริหารเต็มตัวปีหน้า หวังขึ้นแท่นผู้ให้บริการสินเชื่อครบวงจร ท่ามกลางความคาดหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในกลุ่มรากหญ้าที่จะได้รับเงินอัดฉีดเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงสินเชื่อรถยนต์ ได้รับการคาดหวังว่าจะมีผลกำไรที่ดีขึ้นเพราะเป็นแหล่งเงินแรกที่รากหญ้าทางเศรษฐกิจเข้าถึง นางสาวธิดา แก้วบุตตา กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อ คือการคัดกรองคุณภาพหนี้ให้มาตรฐานของบริษัทไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลงก็ตาม “บริษัทไม่จำเป็นต้องลดเกราะลง เพราะยิ่งลดเกราะ ก็ได้ของเสียเข้าตัว ธุรกิจนี้จุดเปลี่ยนของกำไรก็คือหนี้เสีย เมื่อลดเกราะเอาลูกค้าไม่ดีเข้ามา โอกาสเกิดหนี้เสียเยอะขึ้น บริษัทจึงให้ความสำคัญกับมูลค่าหลักประกันที่สุด แม้บริษัทจะยืดหยุ่นด้านหลักประกัน แต่ก็ไม่ลดหย่อนการตรวจสอบคุณภาพ” เธอกล่าวว่า ธุรกิจให้บริการสินเชื่อในปี 2557 น่าจะเติบโตประมาณ 20-30% ซึ่งบริษัทเชื่อว่า ยอดปล่อยหนี้ของบริษัทจะสอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรม ส่วนรายได้รวมและกำไรสุทธิปี 2557 ก็น่าจะใกล้เคียงกับยอดปล่อยสินเชื่อ คือเติบโตประมาณ 20-30% จากปีที่แล้ว โดยผลการดำเนินงวด 6 เดือนแรก 2557 บริษัทมีรายได้รวม 1,239.56 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 363.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.77% จากงวด 6 เดือนแรก 2556 ที่มีกำไรสุทธิ 280 ล้านบาท แผนธุรกิจปี 2558 บริษัทจะขยายธุรกิจทั้งแนวนอนและแนวดิ่ง โดยในแนวดิ่ง หรือการเติบโตในธุรกิจเดิม คือการขยายยอดปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 30% จากปีนี้ อาศัยการมีสาขาทั่วประเทศประมาณ 1,000 สาขา ณ สิ้นปี 2557 ในการเข้าหาลูกค้า ซึ่งเชื่อว่าจะมีความต้องการใช้บริการสินเชื่อรถยนต์อีกมาก โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่เป็นสังคมเกษตร ในส่วนของการเติบโตแนวนอน หรือการเติบโตจากธุรกิจใหม่ บริษัทมีแผนเพิ่มธุรกิจซื้อหนี้มาบริหาร ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบธุรกิจและเตรียมทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในปี 2558 ขณะเดียวกัน จะหาลูกค้าในส่วนของธุรกิจรับบริหารหนี้ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท บริหารสินทรัพย์ ศรีสวัสด์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเพิ่มมากขึ้น เน้นลูกค้าค่ายรถยนต์ที่มีลูกหนี้อยู่จำนวนมาก นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศในอาเซียน ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาเช่นกัน รูปแบบธุรกิจเป็นการร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อให้บริการด้านการเงิน คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเริ่มดำเนินการในปี 2558 “เป้าหมายของบริษัทคือการเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อครบวงจร ก่อนที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ อาจจะมีปัญหาด้านการเงินอยู่บ้าง ทำให้ไม่สามารถขยายธุรกิจได้รวดเร็วนัก แต่ขณะนี้บริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว ทำให้มีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่ม การขยายธุรกิจก็สามารถทำได้รวดเร็ว โดยในปี 2558 น่าจะมีการออกบอนด์เพื่อนำเงินมาใช้ขยายธุรกิจเพิ่ม” นางสาวธิดากล่าวเพิ่มว่า กลางเดือนพ.ย.2557 บริษัทมีแผนไปให้ข้อมูลนักลงทุนในประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง หลังจากที่ได้ไปให้ข้อมูลนักลงทุนที่ประเทศสิงคโปร์มาแล้วก่อนหน้านี้ และได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ข้อมูลที่จะนำไปเสนอกับนักลงทุนคือข้อมูลอัพเดท รวมถึงตั้งใจไปอธิบายให้นักลงทุนสถาบันต่างประเทศเข้าใจธุรกิจอย่างชัดเจน “เท่าที่ไปโรดโชว์ครั้งที่แล้วที่ประเทศสิงคโปร์ ผลตอบรับค่อนข้างดี และเชื่อว่านักลงทุนสถาบันได้เข้ามาซื้อหุ้นบริษัทเพิ่ม แต่ยังไม่มีตัวเลขยืนยันเพราะยังไม่ได้ปิดสมุดทะเบียน เท่าที่คุยมีหลายกองทุนสนใจซื้อหุ้น ซึ่งบริษัทให้ข้อมูลไปว่าให้ซื้อในตลาดหลักทรัพย์” กองทุนที่เข้าพบส่วนมากมีนโยบายลงทุนในบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคป 1,000 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท แต่หากบริษัทใดที่น่าสนใจเข้าลงทุนมีมาร์เก็ตแคปต่ำกว่านั้น ทางกองทุนจะให้ซับฟันด์ มาเป็นผู้ลงทุนแทน เธอกล่าวอีกว่า ปัจจุบัน บริษัทมีมาร์เก็ตแคป ประมาณ 1.9-2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากมาร์เก็ตแคปตอนเข้าซื้อขายครั้งแรกที่ 6.9 พันล้านบาท นับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นที่น่าพอใจ และเป็นโอกาสลงทุนสำหรับนักลงทุนสถาบัน ทั้งนี้ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2557 ราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอ 6.90 บาท ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบัน (24 ต.ค.) ปิดการซื้อขายที่ 19.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาทจากวันก่อนหน้า หรือ 4.19% มูลค่าการซื้อขาย 224.92 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 188.4% จากราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอ Tags : ศรีสวัสดิ์ • รับซื้อหนี้ • สินเชื่อ