"แบงก์ชาติ" ชี้ "นาโนไฟแนนซ์" ไม่ได้สร้างหนี้เสียเพิ่ม แต่ช่วยดูแลความเป็นธรรมให้ประชาชน นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงการคลังมีแนวคิดปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ว่า ไม่มีผลกระทบทำให้สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ของระบบธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ปล่อยกู้นาโนไฟแนนซ์ไม่ได้เป็นธนาคารพาณิชย์ แต่เป็นบุคคลที่ปล่อยกู้ที่อยู่ในจังหวัดนั้นๆอยู่แล้ว และถึงแม้ว่าผู้ปล่อยกู้ดังกล่าวจะมาขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เพื่อนำไปปล่อยกู้ต่อก็จะต้องมีหลักประกันและต้องมีการพิจารณาถึงความสามารถในการชำระหนี้ ดังนั้นจึงไม่มีผลกระทบต่อNPL ของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันNPLของธนาคารพาณชิย์อยู่ที่ร้อยละ 2.3 และเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงก็สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้มาก ทั้งนี้ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์จะช่วยให้รายย่อยหรือรากหญ้าเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น โดยจะเป็นการกู้ในวงเงินไม่เกิน 1 แสนบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 36 ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนบุคคลที่อยู่ที่ร้อยละ 28 เนื่องจากมีความเสี่ยงสำหรับผู้ปล่อยกู้มากกว่า เพราะผู้กู้รายย่อยอาจจะไม่มีหลักประกัน ขณะเดียวกันนาโนไฟแนนซ์ยังเป็นการช่วยให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองมากขึ้น เพราะเป็นการดึงผู้ปล่อยกู้ที่เคยอยู่นอกระบบเข้ามาสู่ในระบบ ทำให้สามารถบริหารจัดการได้ รวมทั้งเป็นช่องทางให้รัฐบาลเข้าไปให้ความรู้ทางการเงินง่ายขึ้น แต่การเกิดนาโนไฟแนนซ์ไม่ได้ช่วยในการลดการก่อหนี้เพราะการกู้ยืมเป็นไปตามความต้องการของผู้กู้ ส่วนเรื่องของหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับบสูงนั้น ยอมรับว่าต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไข ซึ่งไม่อยากให้ตื่นตระหนกจนเกินไป โดยเห็นว่าหากมีการกู้ยืมเพื่อมาสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้เป็นการก่อหนี้ที่เป็นประโยชน์ แต่ต้องไม่ใช่กระตุ้นการสร้างหนี้โดยไม่นึกถึงความสามารถในการชำระหนี้ สำหรับแนวคิดที่รัฐบาลจะมีการออกพันธบัตรเพื่อนำเงินมาล้างหนี้จำนำข้าว เห็นว่า สภาพคล่องในระบบมีมากเพียงพอและไม่กระทบต่อธนาคารพาณิชย์หากประชาชนจะถอนเงินไปซื้อพันธบัตรดังกล่าว เพราะธนาคารพาณิชย์จะสามารถกู้ยืมเงินจากตลาดการเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบได้ Tags : จิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา • ธปท. • นาโนไฟแนนซ์ • หนี้เสีย