ตลาดรับตรวจเข้มหุ้นร้อน แจงผลโรดโชว์น่าพอใจแต่คาดเงินต่างชาติยังไม่เข้าห่วงความเชื่อมโยงการเมือง ตลาดหลักทรัพย์เพิ่มความเข้มงวดหุ้นร้อนแรง ทั้งการรายงานข่าวและการระงับซื้อขายนานกว่าปกติ หวังช่วยนักลงทุนตัดสินใจได้ดีขึ้น เร่งหารือสมาคมบล.ออกกฎคุมหุ้นร้อนให้ทันสิ้นปีนี้ ประเมินผลโรดโชว์สหรัฐน่าพอใจ ต่างชาติตั้งข้อสงสัยความต่อเชื่อมของนโยบายหลังหมดรัฐบาล ประเมินเงินต่างชาติ ยังไม่ไหลเข้าปีนี้ นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ยอมรับว่าปัจจุบันได้เพิ่มความเข้มข้นการดูหุ้นที่มีความร้อนแรงมากกว่าปกติ ซึ่งการดูแลนั้นตลาดหลักทรัพย์จะเข้าไปดูแลทั้ง 2 ส่วน คือการเปิดเผยข้อมูล และการซื้อขาย เพื่อป้องกันไม่ให้นักลงทุนเกิดความเสียหาย "มาตรการดูแลหุ้นที่มีความร้อนแรงนั้น ปัจจุบันมี 2 ส่วนที่ตลาดหลักทรัพย์ดูแลอยู่ คือการเปิดเผยข้อมูลในหุ้นที่มีความร้อนแรง ก็จะมีการแจ้งเตือนเทรดดิ้ง อะเลิร์ท โดยจะมีการสอบถามพัฒนาการของบริษัทว่ามีสิ่งใดที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ส่วนการดูแลการผิดปกติของราคาหุ้น ก็มีมาตรการให้ซื้อขายด้วยเงินสด หรือ แคชบาลานซ์" ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ อยากจะเพิ่มความเข้มแข็งในทั้ง 2 ส่วนให้ดำเนินการได้รวดเร็วและทันเหตุการณ์มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยในการหาข้อกำหนดเกณฑ์ควบคุมดังกล่าว โดยจะเร่งออกมาตรการใหม่ให้ได้ทันภายในปีนี้ โดยหากมีมาตรการเพื่อควบคุมหุ้นร้อนออกมาเพิ่มเติมจะต้องมีการทำประชาพิจารณาจากผู้ที่เกี่ยวข้องก่อน และส่งต่อไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการส่งกรณีหุ้นที่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ไปยังก.ล.ต. ซึ่งตลาดหลักทรัพย์เป็นด่านแรกในการตรวจสอบความผิดปกติ หากพบความไม่ชอบมาพากลก็จะส่งต่อไปยังก.ล.ต.ซึ่งมีอำนาจทางกฎหมายในการตรวจสอบเส้นทางการเงินและความผิดปกติโดยตรง การทำงานในช่วงที่ผ่านมามีความราบรื่นและมีการร่วมมือกันเป็นอย่างดี สำหรับผลการโรดโชว์ในประเทศ สหรัฐอเมริกา ในช่วงที่ผ่านมานั้น พบว่านักลงทุนต่างชาติที่เข้าร่วมงานมีความเข้าใจประเทศไทยเป็นอย่างดี ซึ่งมีความกังวลถึงแนวโน้มระยะต่อไปของเศรษฐกิจไทย เพราะหากรัฐบาลชุดปัจจุบันหมดวาระอาจทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวไปด้วย นอกจากนี้ยังมีความต้องการให้ประเทศไทยออกพันธบัตรรัฐบาลเป็นเงินสกุลดอลลาร์ เพื่อสะดวกในการเข้าลงทุน ซึ่งตัวแทนของรัฐบาลไทยได้ให้ความมั่นใจถึงความต่อเนื่องของนโยบายที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะนาย ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ให้ความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะมีการเติบโตที่ดี และมีการเติบโตของจีดีพีที่ระดับ 4.8 % ส่วนทิศทางเงินทุนต่างชาตินั้น ประเมินว่าในระยะสั้นจะยังไม่ไหลเข้ามายังประเทศไทย เพราะปัจจุบันเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 เป็นช่วงสรุปผลการดำเนินงานของกองทุน และเข้าสู่ช่วงเทศกาลวันหยุดยาว นักลงทุนต่างชาติจะไม่ปรับพอร์ตการลงทุนหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ประเมินว่า นักลงทุนต่างชาติน่าจะรอดูผลประกอบการทั้งปี 2557 ก่อนที่จะตัดสินใจเข้ามาลงทุนอีกครั้งในช่วง ปี 2558 ทำให้อาจต้องใช้เวลามากกว่า 6 เดือนกว่าเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามจากการสำรวจพบว่า มี 3 หุ้นที่มีความเคลื่อนไหวของราคาร้อนแรง และเคยถูกขึ้นเครื่องหมายเอสพี ได้แก่ บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) ABC ถูกขึ้นเครื่องหมายเอสพีในวันที่ 25 ส.ค.2557 และปลดเครื่องหมาย วันที่ 28 ส.ค. รวมระยะเวลาการขึ้นเครื่องหมาย 3 วัน บริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ADAM ถูกขึ้นเครื่องหมายวันที่ 26 ก.ย. โดยปัจจุบันยังคงสถานะการขึ้นเครื่องหมายเอสพี โดยถูกห้ามทำการซื้อขายมาแล้ว 26 วัน และ บริษัท ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด (มหาชน) CYBER ถูกขึ้นเครื่องหมายเอสพี วันที่ 29 ก.ย. และถูกปลดเครื่องหมาย 21 ต.ค. รวมระยะเวลา 23 วัน โดยความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเมื่อวันที่ 22 ต.ค. นั้นพบว่า หุ้น เอบีซี ราคาปิดการซื้อขายที่ 4.46 บาทต่อหุ้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.65 % ในขณะที่หุ้นไซเบอร์ ปิดการซื้อขายที่ 7.40 บาทต่อหุ้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.73 % ขณะที่ นายเปรมชัย กุศลฤกษ์ดี กรรมการ บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC เปิดเผยว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการสอบถามถึงพัฒนาการใดๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาหลักทรัพย์ของ ABC เนื่องจากพบว่าสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากวันก่อนหน้าเพื่อให้ผู้ถือหุ้นและหรือผู้ลงทุนได้มีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างครบถ้วน บริษัทขอชี้แจงดังนี้ บริษัทไม่มีพัฒนาการใดๆ ที่ยังไม่ได้เปิดเผย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไป บริษัทไม่ทราบถึงสาเหตุอื่นใดที่อาจส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย บริษัทไม่มีสารสนเทศอื่นที่ต้องการชี้แจง ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 22 ต.ค. ดัชนีปิดตลาดที่ 1,532.72 จุด เพิ่มขึ้น 6.58 จุด หรือ 0.43% มีมูลค่าการซื้อขาย 37,264.18 ล้านบาท การซื้อขายแยกรายกลุ่มนักลงทุน ประกอบด้วย นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 1,095.22 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 275.02 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 109.30 และนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 929.49 ล้านบาท Tags : ตลาดหลักทรัพย์ • ตลท. • หุ้นร้อน • สหรัฐอเมริกา • นางเกศรา มัญชุศรี