"ไออาร์พีซี" รับขาดทุนสต็อกน้ำมันกว่า2พันล.แต่มีกำไรพิเศษจากการขายหุ้นให้"กลุ่มเลี่ยวไพรัตน์"ฯลฯ กว่า1.7พันล. ผลพวงจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลผู้ประกอบการโรงกลั่นที่มีการสต็อกน้ำมัน ประสบปัญหาขาดทุนกันถ้วนหน้า ซึ่งบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ก็เป็นหนึ่งในหลายบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวเช่นกัน โดย นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ยอมรับว่า ทุกโรงกลั่นน้ำมันประสบปัญหาการขาดทุนสต็อก (STOCK LOSS) มากกว่า 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในขณะนี้ ในส่วนของบริษัทไออาร์พีซี ซึ่งมีสต็อกน้ำมันรวมประมาณ 7 ล้านบาร์เรล ต้องรับภาระการขาดทุนส่วนในส่วนนี้เช่นเดียวกัน ราคาน้ำมันเพิ่งจะปรับลดลงมาอย่างมากในเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ ซึ่งยังต้องรอดูทิศทางการประชุมกลุ่มโอเปคว่า จะลดกำลังการผลิตน้ำมันลง เพื่อยกระดับราคาน้ำมันในตลาดขึ้นได้สำเร็จหรือไม่ ทั้งนี้ ในปี 2556 ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 106 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยจนถึงขณะนี้ ก็ยังถือว่าต่ำกว่าปีที่แล้วไม่มากนักราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงปิดตลาดสิ้นไตรมาส 3 ปีนี้ อยู่ที่ระดับ 96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนล่าสุดน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียทส่งมอบเดือนพ.ย. ขยับขึ้น 44 เซนต์ในตลาดสิงคโปร์ อยู่ที่บาร์เรลละ 83.19 ดอลลาร์ในการซื้อขายช่วงบ่ายวานนี้ (20 ต.ค.) นายสุกฤตย์ กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 นี้ ที่อาจจะขาดทุนสต็อกน้ำมัน จะชดเชยด้วยกำไรพิเศษ จากการชดเชยการประกันภัยค่าไฟไหม้หน่วยกลั่น VGOHT ประมาณ 700 ล้านบาท และจากการขายหุ้นบริษัทที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ให้ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ รวมถึงสิทธิการเช่าตึกทีพีไอ ทาวเวอร์รวมอีก 700 ล้านบาท และกำไรจากการประกันความเสี่ยง (เฮดจิ้ง) 300 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจปิโตรเคมี ยังไม่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงนี้ โดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบ (แนฟทา) ไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้น ซึ่งพอที่จะชดเชยการขาดทุนสต็อกน้ำมันจากธุรกิจการกลั่นได้ "ปีนี้ค่าการกลั่นเฉลี่ย (MARKET GIM) อยู่ที่ 7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลใกล้เคียงปี 2556 แต่ต่ำกว่าเป้าเดิมที่คาดว่าอยู่ที่ 8.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล" นายสุกฤตย์ กล่าว นอกจากนี้ นายสุกฤตย์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมบ้านค่าย จ.ระยอง จำนวน 2 พันไร่ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ใหม่อีกครั้ง เพื่อกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่จะดึงเข้ามาลงทุนในนิคมฯ รวมทั้งพิจารณาว่า จะเป็นผู้พัฒนานิคมฯ หรือหาพาร์ทเนอร์ร่วมทุน เนื่องจากนิคมฯดังกล่าวมีอยู่ห่างจากท่าเรือแหลมฉบัง ดังนั้นจึงทำให้ไม่เป็นที่ดึงดูดนักลงทุน เมื่อเทียบนิคมฯอื่นที่จ.ระยอง แม้นิคมฯดังกล่าว ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) แล้ว แต่ถูกคัดค้านไม่ให้ทำนิคมฯ จากชุมชนในพื้นที่ คาดจะได้ข้อสรุปไตรมาส 1 ปี 2558 นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาที่ดินอีก 2 พันไร่ บริเวณ อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ต่อยอดจากยางพารา และปาล์มน้ำมัน และอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 วานนี้ไออาร์พีซี และบริษัท ปิคนิคพลาส อินดัสเทรียล จำกัด เปิดตัวผลิตภัณฑ์พลาสติกผสมสีธรรมชาติ (Natural Color Compound) ครั้งแรกในไทย โดยนำร่องใช้กับบรรจุภัณฑ์บรรจุอาหารเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยต่อสุขภาพ ทนความร้อนและสีไม่ซีดจาง นายสมเกียรติ เลิศฤทธิ์ภูวดล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ Natural Color นี้ เป็นเม็ดพลาสติกสี ที่เกิดจากการผสมระหว่างเม็ดพลาสติกเดิมกับสีที่สกัดจากธรรมชาติ แทนการใช้สีสังเคราะห์ โดยไม่ทำให้คุณสมบัติทางกายภาพของเม็ดพลาสติกเปลี่ยนแปลง โดยเริ่มต้นจากผสมลงในเม็ดพลาสติกประเภท Poly Propylene (PP) ทั้งชนิด Homo Polymer และRANDOM CO-POLYMER ซึ่งอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาต่อไปยังเม็ดพลาสติกชนิดอื่นๆ อาทิ ABS HIPS เป็นต้น สำหรับราคาเม็ดพลาสติก ที่ผสมสีธรรมชาตินี้ จะมีต้นทุนแพงกว่าเม็ดพลาสติกทั่วไป 5% และถ้านำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์แล้วจะแพงกว่าบรรจุภัณฑ์อื่นๆ 10% โดยปัจจุบันความต้องการใช้เม็ดพลาสติกผสมสีธรรมชาติอยู่ที่ 400-500 ตันต่อเดือน นายยุทธนา เทียมชีวะศิลป์ กรรมการบริหาร บริษัท ปิคนิคพลาส อินดัสเทรียล จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกสำเร็จรูป กล่าวว่า บริษัทได้ใช้เม็ดพลาสติก Natural Color ในการผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่อาหาร (Food Packaging) ใช้ชื่อสินค้ากลุ่มนี้ว่า "Clippac Organic" โดยจะวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป และส่งออกไปกลุ่มประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เป็นต้น "ธุรกิจภาชนะเครื่องใช้ในครัวเรือน มีการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยทั่วไปแล้ว คุณสมบัติของภาชนะไม่มีความแตกต่างกันเท่าไร ผู้บริโภคก็จะเลือกที่ราคาเป็นหลัก ดังนั้น การใช้เม็ดพลาสติก Natural Color มาผลิตสินค้า จึงเป็นการสร้างความแตกต่าง เน้นในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย สุขภาพ ที่คาดว่าผู้บริโภคจะให้ความสนใจกับสินค้ามากขึ้น" Tags : สุกฤตย์ สุรบถโสภณ • ไออาร์พีซี • สต็อกน้ำมัน