โมเดิร์นเทรดวัสดุตจว.ซบ "โฮมโปร"ขายต่ำเป้ารอบ5ปี"ไทวัสดุ-โกลบอลเฮ้าส์"หดตัว20%

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 23 มีนาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ผู้สื่อข่าวสำรวจธุรกิจโมเดิร์นเทรดวัสดุและสินค้าซ่อมแซมบ้าน พบว่าตั้งแต่เดือนธันวาคม 2556 ถึงปัจจุบัน ผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ 3 ราย ได้แก่ "โฮมโปร" ของกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, "ไทวัสดุ" ของกลุ่มเซ็นทรัล และ "โกลบอลเฮ้าส์" ที่มีครอบครัวสุริยะวนากุลถือหุ้นใหญ่ร่วมกับเครือเอสซีจี มียอดขายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางบางส่วน และภาคเหนือต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้

    ปัจจัยหลักมาจากปัญหาชาวนาไม่ได้รับเงินโครงการรับจำนำข้าว โดยมีภาระหนี้ค้างจ่ายอีกประมาณ 1 แสนล้านบาทเศษงผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจหลายจังหวัดชะลอตัว รวมทั้งการซื้อ ปลูกสร้าง และซ่อมแซมบ้านลดลง กระทบชิ่งกำลังซื้อในตลาดวัสดุ

    โฮมโปรอีสาน-กลางวูบรอบ 5 ปี

    นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโมเดิร์นเทรดวัสดุและสินค้าตกแต่งบ้าน "โฮมโปร" เปิดเผยว่า นับจากเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา สาขาโฮมโปรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางบางส่วน ทำยอดขายได้ต่ำกว่าเป้า 5-10% เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ส่งผลให้อัตราเติบโตยอดขายสาขาเก่าโดยรวม (Same Store Growth) ช่วง 2 เดือนแรกต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ โดยมีอัตราเติบโต 4% จากเป้า 6% ปัจจัยหลักมาจากพื้นที่ภาคอีสานและภาคกลางบางส่วน มีหลายจังหวัดที่ประชาชนประกอบอาชีพทำนา เมื่อรัฐบาลค้างชำระหนี้โครงการรับจำนำข้าว ส่งผลทางอ้อมให้ยอดซื้อวัสดุและสินค้าซ่อมแซมบ้านชะลอตัว

    ทั้งนี้ ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจชะลอ พบว่าสินค้ารุ่นท็อปที่มีราคาสูงได้รับความสนใจลดลง ขณะที่สินค้าระดับกลาง-ล่างมียอดขายปกติ กลยุทธ์โฮมโปรปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าเฮาส์แบรนด์ หรือสินค้าที่โฮมโปรจ้างซัพพลายเออร์ผลิต จากสิ้นปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนรายได้ 20% เป็น 21% หรือคิดเป็นยอดขายที่จะต้องเพิ่มขึ้น 460 ล้านบาท

    "ปีนี้เราต้องทำงานหนักกว่าเดิม นอกจากเพิ่มสินค้าเฮาส์แบรนด์ เราพัฒนาเรื่องบริการส่งสินค้าฟรีทั่วไทย (ระยะทางตามที่กำหนดจากสาขาที่จัดส่ง) ขณะเดียวกัน จะนำรายชื่อฐานลูกค้าสมาชิกบัตรโฮมการ์ดที่มียอดซื้อสม่ำเสมอ 1.8 ล้านราย มาวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อสินค้า และจัดแคมเปญกระตุ้นการขายเฉพาะลูกค้าแต่ละกลุ่ม" นายคุณวุฒิกล่าว

    ไทวัสดุ ตจว.หดตัว 20%

    แหล่งข่าวจากบริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา สาขาไทวัสดุในต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคอีสานและภาคเหนือ มียอดขายหดตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10-20% เป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจเมื่อปี 2553 ส่วนภาคอื่น ๆ ยอดขายทรงตัว ปัจจัยหลักเกิดจาก 2-3 ส่วน คือ 1) ปัญหาหนี้สินรับจำนำข้าว

    2) หนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 3) ผู้บริโภคไม่มีอารมณ์จับจ่าย เนื่องจากกังวลปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจชะลอตัว การปรับตัวไทวัสดุเน้นจัดกิจกรรมการตลาด ก่อนหน้านี้จัดแคมเปญ "ไทวัสดุช่างแฟร์" 10 วัน เจาะกลุ่มช่างที่ซื้อสินค้าทุก 1 หมื่นบาท รับคูปองส่วนลด 1 พันบาท ทำยอดขายได้ประมาณ 200 ล้านบาท ล่าสุดกำลังวางแผนจัดแคมเปญใหม่เจาะกลุ่มผู้บริโภครายย่อยโดยตรง อาจเป็นรูปแบบการช็อปครบรับบัตรกำนัลหรือของแถม

    "ที่ผ่านมา พอถึงเดือนมีนาคมยอดขายต้องดีขึ้น เพราะชาวบ้านเริ่มซื้อของตกแต่ง เครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าบ้านรับเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย แต่ปีนี้กลับไม่คึกคัก ประเมินว่าน่าจะชะลอตัวไปถึงกลางปีจนย่างเข้าไตรมาส 3 หรือจนกว่าปัญหาการเมืองจะชัดเจนว่าเริ่มคลี่คลาย" แหล่งข่าวจากกลุ่มไทวัสดุกล่าว

    โกลบอลเฮ้าส์มึนยอดชะลอ

    นายอภิสิทธิ์ รุจิเกียรติกำจร ประธานกรรมการ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและตกแต่งแบบโอเพ่นแอร์ เปิดเผยว่า โกลบอลเฮ้าส์ในต่างจังหวัดบางสาขาในภาคอีสานมียอดขายลดลงจากช่วงเดียวกันของ ปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกจริง โดยหดตัวลงประมาณ 5% แต่มีจำนวนไม่ถึง 10 สาขา

    ประเมินว่าเกิดจากเศรษฐกิจชะลอตัวและผู้บริโภคกังวลอนาคตจะถูกลดเงินเดือน หรือตกงาน จึงระมัดระวังการใช้จ่าย ปัญหาชาวนาไม่ได้รับเงินโครงการจำนำข้าว และมีคู่แข่งเปิดสาขาในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ในแง่ยอดขายรวม 2 เดือนแรกยังขยายจากปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าเติบโตทั้งปี 20% และยังมั่นใจว่าน่าจะได้ตามเป้า

    ทั้งนี้ ประเมินด้วยว่าแนวโน้มกำลังซื้อชะลอตัวจะกินเวลาไปอีก 2-3 เดือนน่าจะเริ่มดีขึ้น เพราะวัสดุก่อสร้างเป็นสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับบ้านซึ่งเป็นปัจจัย 4 ผู้บริโภคแค่ชะลอการซื้อออกไป หากสถานการณ์การเมืองกลับสู่ปกติ มีรัฐบาลใหม่และชาวนาได้รับเงินจำนำข้าว กำลังซื้อก็จะกลับมา ขณะนี้บริษัทจึงไม่มีนโยบายจัดแคมเปญลดราคาแรง ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย เพราะปกติตั้งราคาต่ำกว่าคู่แข่งอยู่แล้ว

    "เรายังคงแผนเปิดสาขาทั้งปี 17 แห่งตามเดิม เพราะยอดขายโดยรวมไม่ได้หดตัวจากปีก่อน แค่ไม่ได้เติบโตเท่ากับปีที่ผ่านมา" นายอภิสิทธิ์กล่าว
     

แบ่งปันหน้านี้