'แคทลีน มาลีนนท์'ปั้นไทยโซล่าร์

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 20 ตุลาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    "แคทลีน มาลีนนท์"ปั้น"ไทยโซล่าร์เอ็นเนอร์ยี่"หวังขึ้นแท่นผู้นำพลังงานทดแทน เตรียมเข้า mai ปลายเดือนนี้

    นางสาวแคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการ บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) กล่าวว่า เป้าหมายระยะใกล้ของบริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ คือการขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนของประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างขั้นตอนการเสนอขายหุ้นไอพีโอ และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ภายในเดือนต.ค.2557 ซึ่งการเข้าจดทะเบียนจะเป็นก้าวแรกที่บริษัทใช้สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

    ทั้งนี้ "แคทลีน มาลีนนท์" เริ่มต้นงานฝ่ายบริหารที่แรกในบริษัท บีอีซี เทโร ในฐานะนักลงทุนสัมพันธ์ ซึ่งทำให้เธอได้เรียนรู้งานนักลงทุนสัมพันธ์ ได้พบกับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย และรับรู้ถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทจดทะเบียน จากนั้น "แคทลีน" ได้เข้ามาเป็นกรรมการในบริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (WAVE) ในช่วงปี -2551

    เธอกล่าวว่า ช่วงที่เข้ามาในบริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ แม้จะไม่ได้อยู่ในฝ่ายบริหารโดยตรง แต่ในฐานะกรรมการบริหารและผู้ติดตามความเคลื่อนไหวพบว่า บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ มีพัฒนาการทางธุรกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จากปี 2550-2551 ที่วงจรธุรกิจสื่อบันเทิง โดยเฉพาะผู้จัดจำหน่ายวีซีดีและดีวีดี กำลังประสบปัญหา และอยู่ในช่วงขาลง ทางผู้บริหารบริษัทได้หันมาทำธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์มากขึ้น โดยเฉพาะการเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ให้กับเจ้าของสื่อ

    "ในส่วนของเวฟก็ต้องยอมว่าออร์แกนิค โกรท มาได้ถึงจุดจุดหนึ่งเท่านั้น ก็ต้องหาธุรกิจใหม่มาเติม ต้องมีการเอ็มแอนด์เอเพื่อสร้างการเติบโต ซึ่งตอนนี้ ทางเวฟก็หันมาจับธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์ไลฟ์สไตล์มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการผู้บริโภคปัจจุบัน ตอนนี้เวฟก็เริ่มเห็นสัญญาณเทิร์นอะราวด์แล้ว"

    แคทลีนกล่าวว่า ได้เข้ามาบริหารบริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ ในปี 2554 ซึ่งยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับการขึ้นมาบริหารธุรกิจพลังงานทดแทน อย่างไรก็ตาม เธอได้พิสูจน์ตัวแล้วว่าสามารถผลักดันให้บริษัทให้ขึ้นมาเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ได้ โดยอาศัยความขยันหาความรู้ หาปัจจัยสำเร็จของการสร้างธุรกิจนี้ให้สำเร็จว่ามีอะไรบ้าง สำหรับการบริหารภายใน "แคทลีน" จะไม่ใช้วิธีการท็อปดาวน์ หรือส่งคำสั่งสู่ลูกน้องในแนวดิ่ง แต่จะใช้วิธีการรับฟังทุกความคิดเห็น

    "ส่วนสำคัญของการบริหาร ก็คือการกล้าตัดสินใจของผู้บริหาร ซึ่งส่วนตัวแล้ว แม้จะรับฟังทุกความคิดเห็นมา แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องอาศัยการตัดสินใจของตัวเอง ซึ่งต้องเป็นการตัดสินใจที่รอบคอบ เพื่อผลักดันองค์กรไปสู่เป้าหมาย"

    เธอกล่าวอีกว่าธุรกิจพลังงานหมุนเวียนมีการเติบโตที่น่าสนใจ เป็นตลาดที่หอมหวนสำหรับผู้มีความพร้อม ซึ่งบริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ ปัจจุบันเป็นหนึ่งใน 5 ของผู้นำในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ก็ทำให้มีโอกาสชิงส่วนแบ่งทางตลาดมากขึ้นในอีก 1-2 ปีจากนี้ ปัจจัยผลักดันธุรกิจพลังงานหมุนเวียนคือนโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น โดยมีเป้าหมายจะใช้พลังงานหมุนเวียน 3,000 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 2,000 เมกะวัตต์ เหลืออีก 2,000 เมกะวัตต์ที่ค้างท่ออยู่ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายจะผลักดันออกมาเป็นโครงการพีดีดี ประมาณ 576 เมกะวัตต์ มองว่าผู้มีความพร้อมจะมีโอกาสมากกว่ารายใหม่ ที่อาจติดปัญหาด้านการลงทุน

    "อีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ สามารถสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน คือการบริหารต้นทุนภายในให้ต่ำกว่าคู่แข่ง เพื่อทำให้บรรทัดสุดท้ายเป็นผลตอบแทนที่น่าพอใจสำหรับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน"

    แคทลีนกล่าวเพิ่มอีกว่า ก้าวแรกที่จะทำให้บริษัทขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนก็คือการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทจะนำเงินระดมทุนมาใช้สำหรับการขยายโครงการเพิ่มอีกอย่างน้อย 100 เมกะวัตต์ในปี 2558 ภายใต้สมมติฐานว่ามูลค่าการระดมทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีโครงการอยู่ภายใต้การดำเนินงานทั้งสิ้น 99 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโซลาร์ ฟาร์ม 80 เมกะวัตต์ อีก 10 กว่าเมกะวัตต์เป็นโซลาร์ รูฟท็อป 10 กว่าเมกะวัตต์ ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณสิ้นปีนี้ ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากโครงการทั้งหมด 100% ในปี 2558 เป็นต้นไป

    ทั้งนี้ ประเมินว่าใน 2 ปี (2558-2559) จะมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดให้เอกชนร่วมประมูล ประมาณ 500 เมกะวัตต์ต่อปี แบ่งเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์ม 700 เมกะวัตต์ และโซลาร์ รูฟท็อป 400 เมกะวัตต์ ในโครงการโซลาร์ รูฟท็อป จะแบ่งเป็นคอมเมอร์เชียล รูฟท็อป 200 เมกะวัตต์ และเรสซิเดนท์เชียล รูฟท็อป 200 เมกะวัตต์

    นอกจากนี้ การเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนยังเปิดโอกาสให้บริษัทมีเครื่องมือในการระดมทุนใหม่ๆ อาทิ การเสนอขายของทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีสินทรัพย์เป็นโครงการโซล่าร์ ฟาร์ม หรือโซลาาร์ รูฟท้อป เป็นต้น

    บริษัทยังมีแผนขายโครงการพลังงานหมุนเวียนไปยังตลาดต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพานโยบายจากทางภาครัฐที่เป็นผู้กำหนดการเติบโตของตลาดในประเทศอีกด้วย ขณะนี้บริษัทได้เจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศแล้ว ประกอบด้วย ประเทศญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ และประเทศอื่นๆ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้ว่าจะมีความร่วมมือกันอย่างไร และปี 2558 น่าจะเริ่มดำเนินการได้

    Tags : แคทลีน มาลีนนท์ • ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ • ตลาดmai • พลังงานทดแทน

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้