"มิลล์คอน" ตั้งเป้ารายได้จากพม่า 900 ล้านบาทต่อปี เชื่อนิคมอุตสาหกรรมทิลาวาคึกคัก ภาพรวมการลงทุนในประเทศสาธารณรัฐสหภาพพม่า กำลังคึกคักหลังการเปิดประเทศต้อนรับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ล่าสุดบริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) Millได้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัท มิลล์คอน ธิฮา จำกัด (MillconThiha Co.,Ltd.)โดยจะเริ่มต้นด้วยการดำเนินธุรกิจเทรดดิ้งสินค้าประเภทเหล็กและวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ Myanmar Thiha Group พันธมิตรจากประเทศพม่า ที่จะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 49%ขณะที่มิลล์คอนถือหุ้นในสัดส่วน 51% นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทมิลล์คอน กล่าวว่า ขณะนี้แผนการลงทุนในพม่ามีความคืบหน้าระดับหนึ่งซึ่งปัจจุบันบริษัทธิฮาในฐานะพันธมิตรหลักในพม่า เริ่มเจรจาหาลูกค้าแล้วแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ปัจจุบันการลงทุนในพม่ามีสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรมทิลาวา เมื่อกลุ่มทุนญี่ปุ่นได้เข้ามาลงทุนและมีแนวาทางที่ชัดเจน รวมทั้งมีผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทยมีแผนจะเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวด้วย ดังนั้นบริษัทจึงถือเป็นโอกาสทางธุรกิจ จึงเข้ามาร่วมทุนบริษัทธิฮา ซึ่งเป็นบริษัทที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ บริษัทต่างๆ ในพม่าที่มีความสนใจเข้าไปลงทุนในนิคมฯทิลาวา และในการเติบโตของธุรกิจเหล็กในพม่าค่อนข้างสูง สะท้อนได้จากการใช้เหล็กเฉลี่ยต่อประชากรประเทศพม่าในปัจจุบัน (ประมาณ 70 ล้านคน) อยู่ที่ 19 กิโลกรัมต่อคนต่อปี หรือคิดเป็นปริมาณใช้รวมเพียง 1.33ล้านตันต่อปี "เป้าหมายของการลงทุนในพม่า ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขงหรือซีแอลเอ็มวี ซึ่งประเมินว่าธุรกิจวัสดุและรับเหมาก่อสร้างจะมีอัตราการเติบโตมากหลังจากพม่าเปิดประเทศการลงทุนในเรื่องภาคก่อสร้างจะคึกคัก และถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัท เพราะการเป็นผู้ประกอบการเหล็ก โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 900 ล้านบาทต่อปี" ประธานกรรมการบริหารกล่าว แผนการลงทุนในพม่านั้น เฟสแรกจะเป็นการลงทุนสร้างโรงงานผลิตท่อเหล็ก ซึ่งมีกำลังการผลิตที่ 5-6 หมื่นตันต่อปี เฟส2 จะเป็นการสร้างโครงสร้างเหล็กที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ และเฟสที่3 จะเป็นโครงการคอนกรีตสำเร็จรูป โดยได้ร่วมทุนกับบริษัทเจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง(GEL)แล้ว ปัจจุบันโครงการในเฟสแรกได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากพม่าเท่ากับ 13 ปี และคาดว่าโรงงานดังกล่าวจะเริ่มผลิตและสามารถรับรู้รายได้ประมาณครึ่งปีหลังของปี 2559 แผนการลงทุนในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการหาพันธมิตรท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และพม่าถือเป็นประเทศแรก ซึ่งมีศักยภาพที่จะเติบโต หากประสบความสำเร็จก็จะพิจารณาประเทศอื่นๆต่อไป ส่วนภาพรวมของบริษัทมิลล์คอน จะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยในปี 2558 คาดว่าจะมีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท และกำไรก่อหักภาษีค่าเสื่อมและดอกเบี้ย (อีบิทด้า) จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.9 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะมีกำลังการผลิตรวมที่ 1.3 ล้านตัน โดยเฉพาะจะมาจากความสามารถในการทำ กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย (TSSI) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กเกรดพิเศษที่มีอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว ทั้ง ปี 2558 บริษัทจะมีกำลังการผลิตรวม 1.3 ล้านตัน แบ่งเป็นกำลังการผลิตเดิม 8 แสนตันและกำลังการผลิตของบริษัทอุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย 5 แสนตัน ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่าบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างการเงินและโครงสร้างธุรกิจให้มีความแข็งแกร่ง โดยมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท รวมทั้งได้รับการสนับสนุนทางด้านการเงินจากธนาคารกรุงเทพวงเงินรวม 7,000ล้านบาท สำหรับการเตรียมพร้อมเงินทุนดังกล่าว ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการซื้อสินทรัพย์ของบริษัทอุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย หลังจากที่บริษัทชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์จากกรมบังคับคดี ทั้งนี้ภายหลังจากการเพิ่มทุนบริษัทจะมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนเหลือ 1.8 เท่า และตั้งเป้าหมายที่สัดส่วนหนี้ต่อทุนจะเหลือ 1 เท่าใน 3 ปี นายพิษณุ สุวรรณะชฏ เอกอัครราชทูตไทยประจำนครย่างกรุง ประเทศพม่า กล่าวว่าแนวโน้มการลงทุนในพม่ามีสัญญาณที่ดีต่อเนื่องโดยเฉพาะการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทิลาวา ซึ่งมีบริษัทเอกชนสนใจเข้ามาลงทุนจำนวนมาก และสิ่งสำคัญในการที่จะเข้ามาลงทุนในพม่าคือการมีศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน สถานฑูตจัดทำศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเมียนมาร์เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล กฎระเบียบต่างๆ ด้านการค้าและการลงทุน เพื่อประโยชน์ของนักธุรกิจไทย Tags : สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล • มิลล์คอน สตีล • พม่า