กำไรกลุ่มแบงก์โตอืด

กำไรกลุ่มแบงก์ไตรมาส 3/2557 ขยับขึ้นเล็กน้อย เหตุส่วนใหญ่ต้องตั้งสำรองเพิ่ม พบแบงก์ทหารไทยกำไรโตสูงสุด 28%


ภาพรวมผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่รายงาน 7 แห่ง งวดไตรมาส 3/2557 มีกำไรสุทธิรวมกัน 3.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น8.28% จากงวดเดียวกันปีที่แล้ว ส่วนงวด 9 เดือนแรกปี 2557 มีกำไรสุทธิรวมกัน 9.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.08% โดยธนาคารทหารไทยมีกำไรสุทธิเติบโตมากที่สุดในอุตสาหกรรม หรือโต 66% ในงวด 9 เดือนแรกปีนี้ เทียบปีที่แล้ว และเติบโต 28% จากไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ทั้งจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิซึ่งเกิดจากสินเชื่อที่ขยายตัวดีขึ้น ประกอบกับการบริหารต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

นายโนริอากิ โกโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า ไตรมาส 3/2557 กรุงศรีมีผลการดำเนินงานที่ดี โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท ขณะที่สินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้นที่ 3.1% สะท้อนภาวะเศรษฐกิจของประเทศและความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสนี้ ส่วนแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี 2557 การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจ จากความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และการใช้จ่ายภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้นจะเอื้อต่อการขยายตัวของสินเชื่อและรายได้จากค่าธรรมเนียม ทั้งนี้จากปัจจัยด้านฤดูกาลสนับสนุนความต้องการสินเชื่อ ทั้งในส่วนของสินเชื่อเพื่อรายย่อยและสินเชื่อธุรกิจในไตรมาส 4 แบงก์กรุงศรีจึงคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่ 7% สำหรับปี 2557

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) รายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 3/2557 จำนวน 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส2/2557 เป็นผลจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้น การเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ ตลอดจนประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่าย สำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 2557 กรุงศรีมีกำไรสุทธิจำนวน 10.4 พันล้านบาท ทั้งนี้ แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่กำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2557 ลดลง 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการกลับรายการสำรองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ได้มีการโอนไปบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) และรายการหนี้สูญรับคืนที่สูงในปี 2556

นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนปี 2557 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2556 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 36,187 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 4,389 ล้านบาทหรือ 13.80% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 7,715 ล้านบาท หรือ 14.38% ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.70% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเงินรับฝากที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงครบกำหนดทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายลดลง รวมถึงรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จำนวน 5,730 ล้านบาท หรือ 15.98% เป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ และรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยที่เพิ่มขึ้น สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Efficiency ratio) ในงวดนี้อยู่ที่ระดับ 42.10%

ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 3 ปี 2557 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2557 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน 12,516ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน จำนวน 784 ล้านบาท หรือ 6.69% โดยมีการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 714 ล้านบาท หรือ 3.47%ซึ่งทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.79% และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น จำนวน 816 ล้านบาท หรือ 9.82% สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Efficiency ratio)ในไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ 41.98%

ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 3 ปี 2557 เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2556 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ จำนวน12,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 1,803 ล้านบาท หรือ 16.84%

ด้านธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2557 มีกำไรสุทธิ 846.94 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.01 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 989.27 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.18 บาท ส่วนงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 2,148.39 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น2.56 บาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3,388.69 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 4.06 บาท สาเหตุที่กำไรลดลงเนื่องจากสินเชื่อหดตัวตามยอดขายรถยนต์

Tags : ผลประกอบการ • ธนาคารพาณิชย์ • ทหารไทย