นายกรัฐมนตรี ชี้แจง การเข้าร่วมประชุมอาเซม ไทยพร้อมสนับสนุนทุกด้าน ย้ำ ไทยยึดมั่น ปชต. ยุติความขัดแย้ง สร้างปรองดอง ปฏิรูปประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจจากสาธารณรัฐอิตาลี โดยสรุปสาระสำคัญในการเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรือ อาเซม ครั้งที่ 10 ว่า ภูมิภาคต่างๆ ทั้งเอเชียและยุโรป กำลังเผชิญกับภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ ผู้นำทางการเมือง จึงต้องมีความมุ่งมั่นทางการเมือง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ไทยพร้อมจะให้การสนับสนุนตามขีดความสามารถ ส่วนสถานการณ์ของไทย ขอย้ำยังยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย โดยรัฐบาลใช้ระเบียบราชการปกติในการบริหารประเทศ เพื่อยุติความขัดแย้งจัดระเบียบภายใน อีกทั้ง เดินหน้าเรื่องการสร้างความปรองดอง และการเร่งปฏิรูปอย่างรวดเร็วใน 11 ด้าน ตามแผนโรดแมป (Roadmap) ซึ่งจะเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายสามารถมีส่วน ร่วม ให้ความสำคัญกับหลักธรรมภิบาล ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งการประชุมครั้งนี้ นานาชาติเข้าใจประเทศไทยมากขึ้น ไม่มีประเทศใด แสดงท่าทีรังเกียจ หรือต่อต้านแต่อย่างใด และในระหว่างการประชุม ได้เสนอแนวทางเรื่องบทบาทของประชาคมโลก ด้านอาหาร พลังงาน โดยเฉพาะด้านการเกษตร ซึ่งยืนยันว่า อาเซียน มีความพร้อมที่จะเป็นครัวที่สำคัญของโลก หากเกิดภาวะขาดแคลน ซึ่งทำให้หลายประเทศ อยากจะลงทุนแต่ไทย ต้องวางการบริหารจัดการให้ดี ว่า เราจะเน้นทางไหน และคิดว่าน่าจะเน้นเรื่องเกษตรอุตสาหกรรมแปรรูปเป็นหลัก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า โครงการรถไฟของไทย มีหลายประเทศให้ความสนใจ ทั้งในอาเซียน จีน และ ญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุนเรื่องงบประมาณ ซึ่งต้องกลับมาหารือกันอย่างละเอียด และโปร่งใส ในเรื่องต่างๆ อีกครั้ง ในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ สื่อประเทศอังกฤษ รายงานว่า พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันจะไม่คัดค้านความช่วยเหลือจากประเทศอังกฤษ โดยหลังจากที่ได้รับการผลักดันในระหว่างการพบปะกับ นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระหว่างประชุมเอเชีย-ยุโรป ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งทางการของประเทศอังกฤษ จะส่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเพื่อช่วยในการสืบสวนคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยว 2 คน ที่เกาะเต่า ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวน โดยเน้นไปยังการตรวจสอบอย่างเป็นอิสระเรื่องของตัวอย่าง ดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของรูปคดีดังกล่าว ที่ทั้ง 2 แรงงานชาวพม่า ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สังหาร 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ นายเดวิด มิลเลอร์ วัย 24 ปี น.ส.ฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ วัย 23 ปี เสียชีวิตที่เกาะเต่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ซึ่งฆาตรกรทั้ง 2 คน อ้างว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมจากเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทย ยังจะเป็นผู้นำและดำเนินการตามกระบวนการให้อย่างเป็นธรรม และโปร่งใสที่สุด โดยอีก 2 ประเด็นสำคัญ ที่ทางประเทศอังกฤษ มีความเป็นห่วง คือ การพิสูจน์ตัวอย่างดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัย ต้องการเห็นการตรวจสอบเป็นอย่างอิสระ และประเด็นที่ 2 คือ การสืบสวนกรณีที่มีการกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ทำร้ายผู้ต้องสงสัย