บีทีเอสเดินหน้าร่วมทุน-ซื้อกิจการ

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 17 ตุลาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    "บีทีเอส"แจงเดินหน้าซื้อกิจการ ลงทุน-ร่วมทุน โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน หวังสร้างการเติบโตธุรกิจระยะยาว

    ลุ้นผู้ถือหุ้นเอ็นพาร์คไฟเขียวเพิ่มทุน ธ.ค.นี้ เล็งขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เต็มที่ หลังจากผนึกแสนสิริ ผุดโครงการคอนโดมิเนียม เกาะแนวรถไฟฟ้า ด้าน "เศรษฐา" บิ๊กบอสแสนสิริ ระบุดึงจุดแข็งบีทีเอสมีที่ดินในมือจำนวนมากต่อยอดอสังหาฯ

    ภาพการจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ของคอร์ปอเรทขนาดใหญ่ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ร่วมกับแสนสิริ หนึ่งในผู้เล่นเบอร์นำในธุรกิจอสังหาฯเมืองไทย โดยหวังใช้จุดแข็งของพันธมิตร "ต่อยอด" การเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

    นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ โดยขณะนี้มีความสนใจเข้าลงทุน หรือร่วมทุน รวมทั้งซื้อกิจการธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ โทรลเวย์ การบิน ที่พร้อมจะเปิดโอกาสให้กับผู้ลงทุนใหม่ๆ โดยตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไว้ 10-12%

    สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอยู่ในความสนใจที่จะพัฒนาให้สร้างรายได้นั้น ล่าสุดบริษัท ได้ร่วมทุนกับบริษัท แสนสิริ (SIRI) เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม มีสัดส่วนการถือหุ้น 50 : 50 มีงบลงทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใน 3-5 ปี มูลค่า 10,000 ล้านบาท โดยโครงการแรกอยู่ระหว่างการเริ่มก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดขายได้ในไตรมาส 1/2558 มูลค่าการลงทุน 1,200 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท

    มั่นใจแบรนด์แสนสิริหนุนรายได้

    นายคีรี กล่าวว่า การร่วมทุนกับแสนสิริ จะเน้นโครงการคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าปัจจุบันและอนาคตที่บริษัทจะได้บริหาร ซึ่งการร่วมมือกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆ ของไทย ทำให้สามารถเชื่อมั่นแบรนด์และการสร้างการรับรู้ทางการตลาดได้

    ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามต่างจังหวัด หรือนอกพื้นที่เส้นทางรถไฟฟ้าก็มีอยู่ ซึ่งบริษัทจะดำเนินงานต่อไป ภายใต้บริษัทย่อย ซึ่งยอมรับว่า จะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป

    นอกจากนี้ ยังมีส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าพื้นที่ ก็เป็นส่วนที่บริษัทมีความสนใจ แต่จะดำเนินการร่วมกับอีกบริษัทหนึ่ง เพื่อสร้างขึ้นมาเป็นอีกธุรกิจหนึ่ง

    "สัดส่วนรายได้ของบีทีเอส กรุ๊ป ส่วนมากจะอยู่ที่ธุรกิจหลักคือการขนส่งมวลชนสาธารณะ แต่จะมีอีก 3 ธุรกิจที่จะช่วยสร้างรายได้และกำไรให้บริษัท คือธุรกิจโฆษณา ธุรกิจรับจ้างบริหารการขนส่ง และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ พอร์ตอสังหาริมทรัพย์ทำได้ไม่ดี แต่จากนี้เชื่อว่าจะดีขึ้น โดยบริษัทจะต้องมีทั้งอสังหาเพื่ออยู่อาศัย และอสังหาเพื่อให้เช่าพื้นที่" นายคีรีกล่าว

    เชื่อผู้ถือหุ้นเอ็นพาร์คไฟเขียวเพิ่มทุน

    ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติในหลักการ ให้บริษัทขายหุ้นทั้งหมดใน 2 บริษัทย่อยที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ บริษัท บีทีเอส แอสเสทส์ จำกัด (BTSA) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม อีสติน แกรนด์ สาทร สูง 33 ชั้น ติดกับรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ และเจ้าของที่ดินบริเวณถนนพหลโยธิน ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส หมอชิต และบริษัท ก้ามกุ้ง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (ก้ามกุ้ง) ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินบริเวณพญาไท ติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พญาไท

    โดยทั้ง 2 บริษัทย่อยถือครองที่ดินรวมกันประมาณ 18 ไร่ มีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 8,000-10,000 ล้านบาท โดยจะขายให้กับ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค (NPARK) เพื่อแลกกับค่าตอบแทนซึ่งจะประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุน PP ของ NPARK จำนวน 213,000 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 37.06% ของหุ้นทั้งหมดหลังการเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 0.047 บาท และในสำคัญแสดงสิทธิ (NPARK-W2) ที่จะออกโดยไม่คิดมูลค่าให้กับหุ้น PP ในอัตรา 2 ต่อ 1 โดยใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวต้องออกให้กับบริษัท ก่อนการออกให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ NPARK

    นายคีรี กล่าวว่า ค่อนข้างมั่นใจว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค (NPARK) ในวันที่ 16 ธ.ค. นี้จะอนุมัติเพิ่มทุนเข้าไปถือหุ้น 37% ใน NPARK ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการแลกหุ้นดังกล่าวแล้ว บริษัทจะมีการเปิดเผยแผนธุรกิจของเอ็นพาร์ค

    "ตอนนี้อยู่ในช่วงการทำ ดีล ดิจิเจนท์ และรอผู้ถือหุ้นเอ็นพาร์คอนุมัติ ยังพูดอะไรมากไม่ได้ แต่เชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี โดยบริษัทมีแผนการสำหรับดีลครั้งนี้อยู่แล้ว แต่ยังสามารถพูดมากได้ ซึ่งบริษัทต้องการจะแปลงโฉมธุรกิจของเอ็นพาร์คให้กลับมาเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานน่าลงทุนอีกครั้ง" นายคีรี กล่าว

    บีทีเอสรับปีนี้รายได้ต่ำกว่าปีก่อน

    ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า รายได้และกำไรสุทธิในปี 2557 จะต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 23,919.77 ล้านบาท และ 12,644.86 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากไม่มีรายการพิเศษการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน

    "หากตัดรายการพิเศษออกไป บริษัทจะมีรายได้และกำไรสุทธิในปี 56/57 ที่ประมาณ 8,700 ล้านบาทและกว่า 2,000 ล้านบาทตามลำดับ ซึ่งรายได้ในปี 2557/2558 จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่คาดว่ากำไรจะมากกว่า เนื่องจากได้การเติบโตของธุรกิจเดินรถไฟฟ้าเข้ามาช่วยหนุน "??

    ทั้งนี้ คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเติบโต 5-8% จากปีก่อนที่อยู่เฉลี่ย 600,000 คนต่อวัน โดย ณ ปัจจุบันอยู่ที่เฉลี่ย 700,000 คนต่อวัน ประกอบกับบริษัทได้มีการขึ้นค่าโดยสารอีก 1% เมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา

    “แสนสิริ”ดึงจุดแข็งบีทีเอสต่อยอดอสังหาฯ

    นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การรวมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจกับบีทีเอส กรุ๊ป ถือเป็นอีกก้าวของการดำเนินธุรกิจอสังหาฯ ที่จะช่วยสร้าง "มูลค่าเพิ่ม" ซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ การที่บริษัทจะร่วมพัฒนาโครงการกับใคร ไม่ใช่เพียงเงินลงทุนเท่านั้น แต่ต้องมีผลประโยชน์อย่างอื่นมาเสริมซึ่งกันและกันด้วย ซึ่งการร่วมทุนกับบีทีเอส จะสามารถพึ่งพาอาศัยกันได้อีกมาก

    โดยที่ผ่านมาแสนสิริให้ความสนใจในการขยายโครงการพัฒนาตามแนวรถไฟฟ้ามาโดยตลอด ด้วยการหาซื้อที่ดินแปลงที่มีศักยภาพตามแนวรถไฟฟ้า แต่ยอมรับว่าหาที่ดินได้ยากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งมีราคาแพง ขณะที่การร่วมบีทีเอส ที่มีดินในมือจำนวนมาก ย่อมส่งผลดีกับบริษัทอย่างแน่นอน

    นอกจากนี้ ประโยชน์ที่บริษัท จะได้รับนอกเหนือจากสิทธิในการพัฒนาโครงการในพื้นที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแล้ว ยังได้รับข้อมูลผู้บริโภค ซึ่งเป็นประโยชน์ทางอ้อมจากการที่ บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) มาร่วมพัฒนาสื่อภายในอาคารให้กับทางบีทีเอสและบริษัท แสนสิริ ด้วยเช่นกัน

    โดยบัตร แรบบิท ซึ่งเป็นบัตรสมาร์ทการ์ด ที่มีผู้ถือบัตรอยู่ในขณะนี้จำนวน 3 ล้านใบ และพันธมิตรร้านค้าที่ร่วมกับบัตรกว่า 2,000 ร้านค้า ถือเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญ ทำให้ทราบถึงความต้องการเรื่องที่อยู่อาศัย สามารถทำโครงการออกมาตอบโจทย์ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ลดต้นทุนการโฆษณาลงได้

    “ต้นทุนอสังหาฯที่สำคัญ คือ ที่ดิน การก่อสร้าง และงบการโฆษณา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามปรับลด เพื่อมุ่งสร้างผลกำไร"

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาแสนสิริ ไม่มองแค่การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย แต่ยังมีการขยายธุรกิจคอมมูนิตี้ รีเทล เป็นอีกหนึ่งธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง จากการเปิดตัวธุรกิจโรงแรมเมื่อปีที่ผ่านมา เท่ากับช่วยส่งเสริมธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของแสนสิริ

    ส่วนการตั้งบริษัทร่วมทุนครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวของการต่อยอดและขยายโอกาสในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ของ แสนสิริ เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า ถือเป็นการผนึกกำลังระหว่างพันธมิตรทางธุรกิจระยะยาว

    Tags : คีรี กาญจนพาสน์ • บีทีเอส กรุ๊ป • แสนสิริ • อสังหาริมทรัพย์ • โครงสร้างพื้นฐาน

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้