นักวิเคราะห์ชี้หุ้นไทยอยู่ในช่วงปรับฐาน เหตุตลาดกังวลเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตามคาด ฉุดหุ้นไทยวานนี้ร่วง 21 จุด บรรยากาศการลงทุนในหุ้นไทยวานนี้ (16 ต.ค.) ปรากฏว่าปิดตลาดทำการซื้อขายดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,526.15 จุด ลดลง 21.26 จุด หรือลดลง 1.37% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย มีมูลค่าการซื้อขาย 46,322.39 ล้านบาท นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย กล่าวว่าดัชนีหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน แต่คาดว่าจะปรับตัวลงไม่มาก เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลังความคิดเห็นของนักวิเคราะห์โดยรวมปรับการคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 2558 จาก 114.5 บาทต่อหุ้น เป็น 115.04 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 16.6% เทียบจากกำไร 98.6 บาทต่อหุ้นในปีนี้ ส่วนผลประกอบการของกลุ่มแบงก์พาณิชย์ เขาคาดว่าจะช่วยพยุงดัชนีไม่ให้ปรับตัวลดลงไปมากก็ไม่ได้ออกมาดีอย่างที่คิด คือลดลงเล็กน้อยหากเทียบกับปีก่อนและไตรมาสเดียวกันปีก่อน จึงไม่สามารถจะช่วยพยุงดัชนีไว้ได้ และประเมินแนวรับหุ้นไทยที่ค่าพีอี 13 เท่า หรือ 1,495-1,500 จุด และมีแนวต้านที่ 1,535 จุด ทั้งนี้ในเดือน ต.ค.นี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกจะเป็นภาพการปรับฐานเพื่อจัดระบบการเงินใหม่ โดยจะเป็นการเคลื่อนย้ายเงินจากสินทรัพย์เสี่ยงคือหุ้น ไปสู่พันธบัตรรัฐบาลและทองคำ เพื่อรองรับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่มีแนวโน้มจะปรับขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ปี 2558 ประกอบกับตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาในเชิงลบด้วย อีกทั้งกรีซซึ่งมีแผนจะออกจากการขอความช่วยเหลือด้านการเงิน แต่นักลงทุนกลับคาดว่ากรีซอาจจะยังไม่มีความมั่นคงเพียงพอ นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวลงวานนี้ (16 ต.ค.) เป็นการปรับตัวลงเศรษฐกิจโลกที่ไม่ฟื้นตัวตามคาด ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คงจะรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) สิ้นเดือนต.ค.นี้ ทั้งนี้คาดว่าทั้งเดือน ต.ค. นี้ จะเป็นช่วงของการปรับฐาน ส่วนวันนี้คาดว่าดัชนีจะฟื้นตัวกลับหลังจากปรับตัวลดลงแรง ด้าน นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด มองกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐน่าสนใจ ซึ่งอยู่ในช่วงการฟื้นตัวในช่วงที่ 2 หลังจากเจอวิกฤตในปี 2551 ตลาดหุ้นสหรัฐจึงเป็นทางเลือกการลงทุนนอกเหนือจากตลาดหุ้นไทย แม้ราคาหุ้นสหรัฐไม่ถูกมาก แต่ให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว โดยช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐานลงมา ถือเป็นโอกาสดีในการเข้าไปลงทุน "สำหรับตลาดหุ้นไทยปีหน้า ยังคงให้น้ำหนักการลงทุน คาดกำไรบริษัทจดทะเบียนปีหน้าอยู่ที่ 12-15% บลจ.ไทยพาณิชย์คาดดัชนีหุ้นไทยปีหน้าอยู่ที่ระดับ 1,800 จุด โดยหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ คือกลุ่ม ก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน แบงก์" เขาคาดด้วยว่าดอกเบี้ยของไทยอาจปรับขึ้นช้าในช่วงไตรมาส 3 ปี 2558 อย่างต่ำ 0.25% นอกเหนือจากสหรัฐที่น่าสนใจแล้วตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ก็ยังน่าสนใจ หากเน้นธีมเรื่องมูลค่าถูกและเศรษฐกิจยังดีจะอยู่ในกลุ่มเอเชียเหนือ แต่ถ้าเน้นธีมของโมเมนตัมที่ยังจะผลักดันตลาดให้ไปต่อได้ ตามเศรษฐกิจที่ขยายตัว จะเป็นกลุ่มเอเชียใต้ ขณะที่ตลาดเกิดใหม่ เน้นเรื่องทรัพยากรธรรมชาติการฟื้นตัวอาจจะช้ากว่า เช่น รัสเซีย หรือบราซิล เป็นต้น จากราคาพลังงานที่ยังทรงตัวในปีหน้า นายวิน พรหมแพทย์ หัวหน้ากลุ่มงานลงทุน สำนักบริหารการลงทุน สำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า ประกันสังคมประเมินว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะโต 1.4% และในปีหน้าโต 3.4% อาจจะน้อยกว่าที่อื่นอยู่บ้าง เพราะมองว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และยังมีปัจจัยลบต่างๆ มารุมเร้าอยู่ ความเชื่อมั่นยังไม่กลับมาเต็มที่ ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยโตจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ผ่านการบริโภคทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่ยั่งยืน สิ่งที่หวังจากรัฐบาลชุดนี้คือการเปลี่ยนมาเติบโตจากการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่จะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาวให้กับประเทศได้อย่างแท้จริง ซึ่งรัฐคงต้องเป็นผู้นำในการลงทุนเพื่อให้เอกชนลงทุนตามมา "ปัจจุบันระบบธนาคารของไทยมีความแข็งแกร่งมากเสมือนหนึ่งท่อน้ำเลี้ยงที่มีความพร้อมที่จะสนับสนุนภาคเอกชนให้ลงทุนอยู่แล้ว ขอเพียงรัฐนำการลงทุนให้เอกชนมั่นใจแล้วลงทุนตาม แรงหนุนจากระบบธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันก็พร้อมเช่นกัน โดยหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจได้แก่กลุ่มก่อสร้าง รวมถึงกลุ่มขนส่งและหากระบบขนส่งของไทยดีกลุ่มที่ผลิตสินค้าจะได้ประโยชน์ตามมาในระยะถัดไป" Tags : เผดิมภพ สงเคราะห์ • ตลาดหุ้น • เศรษฐกิจโลก • ปรับฐาน