will.i.am นักร้องนำวง The Black Eyed Peas ผู้ซึ่งเคยมีผลงานในโลกเทคโนโลยีอย่างเช่น เคส iPhone ที่สามารถเปลี่ยนมือถือให้กลายเป็นกล้อง 14 ล้านพิกเซลซึ่งเปิดตัวไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว รวมไปถึงการได้นั่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมของอินเทล ล่าสุด will.i.am ได้เผยโฉมสายรัดข้อมืออัจฉริยะในนาม Puls (อ่านว่า pulse) ในงาน Dreamforce 2014 ที่จัดขึ้นโดย Salesforce ที่ซาน ฟรานซิสโก (เจ้าตัวย้ำว่ามันไม่ใช่ smart watch นะครับ) พร้อมระบบคำสั่งเสียงนามว่า Aneeda ที่พัฒนาร่วมกับ Nuance ขณะที่ตัวเครื่องเองก็รองรับสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ทั้ง Facebook, Twitter, Instagram รวมถึงแอพระดับองค์กรอย่าง Salesforce ขณะที่แอพพื้นฐานตั้งแต่ แอพดูภาพ, อีเมล, รายชื่อ, โทรศัพท์, ข้อความ, เครื่องคิดเลข, เครื่องเล่นเพลง และฟังก์ชันด้านสุขภาพก็มาอย่างครบครัน นอกจากนี้ Puls ยังรองรับการใช้งาน 2G และ 3G ซึ่งก็หมายความว่าในตัว Puls จะสามารถใส่ซิมและโทรออกได้ หนึ่งในฟีเจอร์หลักของสายรัดข้อมืออัจฉริยะนี้คือ การวิเคราะห์อารมณ์ที่เรากำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ โดยใช้แอพที่มีชื่อว่า Vibe ในการวิเคราะห์อารมณ์ของผู้สวมใส่ ขณะที่ระบบแผนที่ในเครื่องใช้เทคโนโลยีจาก ESRI รวมถึงในเครื่องยังมีแอพ Humin ติดตั้งมาในเครื่อง ทำให้ผู้ใช้สามารถแชร์ข้อมูลผู้ติดต่อได้เพียงแค่ชนแขนกัน มากไปกว่านั้น Puls ยังสามารถจดข้อมูลสถานที่นัดพบครั้งล่าสุดของแต่ละบุคคลในที่ต่าง ๆ เช่น บุคคลที่เจอในบาร์เมื่อวานนี้ พร้อมทั้งสั่งโทรหาเบอร์นั้นได้โดยไม่ต้องบอกว่าเขาคือใคร เพราะระบบมันจดจำไว้หมดแล้ว เบื้องหลังของตัว Puls นั้น ได้พัฒนามาเมื่อ 2 ปีครึ่งก่อนโดยทีมวิศวกรกว่า 35 คน เพื่อพัฒนาสายรัดข้อมืออัจฉริยะนี้ สำหรับสเปกคร่าว ๆ ของ Puls ประกอบด้วย หน้าจอไม่ระบุขนาด ซีพียู Qualcomm Snapdragon (ไม่ระบุรุ่น) แรม 1 GB หน่วยความจำภายใน 16 GB รองรับ GSM และ 3G มี Wi-Fi, บลูทูธ, GPS, accelerometer, pedometer ระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นพิเศษ มีพื้นฐานมาจาก Android (ไม่ระบุรุ่น) Puls เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ i.am+ (เจ้าเดียวกับเคสกล้อง 14 ล้านนั่นแหละครับ) มีให้เลือก 2 รุ่น คือรุ่นปกติ มีทั้งหมด 5 สีคือสีดำ, ขาว, ฟ้า, แดง และชมพู ส่วนอีกรุ่นสำหรับคนชอบความหรูหราอย่างรุ่น Lux มีให้เลือกทั้งรุ่นเคลือบทองแท้ กับรุ่นเคลือบทองแท้ฝังเพชร สำหรับการวางจำหน่ายนั้น ในระยะแรกจะวางจำหน่ายแบบ exclusive กับเครือข่าย AT&T ในสหรัฐ และ O2 ในสหราชอาณาจักร ส่วนราคายังไม่ระบุครับ ที่มา: The Next Web, Engadget Wearable Computing, Gadget