3 เหตุผลที่คุณควรเลือก Azure เป็นโครงสร้างคลาวด์ขององค์กร

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 15 สิงหาคม 2019.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    การใช้คลาวด์กลายเป็นความจำเป็นขององค์กรในยุคนี้ และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกผู้ให้บริการ Microsoft Azure คือผู้ให้บริการคลาวด์ที่เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่ใช้ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟท์เป็นระบบ โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ในองค์กร Microsoft Azure สามารถช่วยลดภาระการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน ไปพร้อมๆ กับการลดค่าใช้จ่ายลง เรามาดู 3 เหตุผลที่องค์กรควรเลือก Microsoft Azure เป็นผู้ให้บริการคลาวด์ สำหรับองค์กรของท่าน

    [​IMG]

    เหตุผลที่ 1 สามารถทำงานร่วมกับระบบโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่ท่านมีใช้งานอยู่ในองค์กรได้เต็มรูปแบบ (Hybrid Infrastructure)


    Microsoft Azure เป็นคลาวด์ที่สามารถทำงานร่วมกับระบบโครงสร้างพื้นฐานเดิมในองค์กรที่ใช้ Windows Server และ SQL Server ได้เต็มรูปแบบ โดยเซิร์ฟเวอร์เดิมในองค์กรสามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Microsoft Azure ผ่านทาง Windows Admin Center ทำให้องค์กรสามารถใช้เซิร์ฟเวอร์เดิมต่อไป โดยใช้ระบบควบคุมจัดการเพียงตัวเดียว แต่ยังได้ความได้เปรียบของคลาวด์ ได้แก่

    • สำรองข้อมูลขึ้นคลาวด์ผ่านบริการ Azure Backup
    • เตรียมพร้อมเหตุฉุกเฉินให้สามารถย้ายงานขึ้นคลาวด์ได้ ด้วย Azure Site Recovery
    • ซิงก์ไฟล์ขึ้นคลาวด์ด้วย Azure File Sync
    • ตรวจสอบความพร้อมของระบบด้วย Azure Monitor

    [​IMG]

    Windows Admin Center เปิดทางเชื่อมต่อ Microsoft Azure จากคอนโซลบนวินโดวส์เดิม

    สำหรับแอปพลิเคชั่นเดิมที่ใช้ SQL Server อยู่ Microsoft Azure มี Azure SQL ที่ทำงานกับโค้ดเดิมได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องแก้โค้ด หรือไม่ว่าจะเป็นการย้าย Active Directory ไปยัง Azure AD Domain Services ที่ยังสามารถให้บริการแอปพลิเคชั่นในองค์กรได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบริการที่เชื่อมต่อผ่าน LDAP, NTLM, หรือ Kerberos เปิดทางให้การย้ายบริการต่างๆ สามารถทำได้ทีละส่วนโดยไม่ต้องเปลี่ยนแอปพลิเคชั่นเดิม

    [​IMG]

    Azure Red Hat OpenShift แฟลตฟอร์มคอนเทนเนอร์ระดับองค์กรบน Azure

    นอกจากซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์เอง องค์กรที่ใช้แพลตฟอร์มอื่นก็ยังสามารถใช้งาน Azure ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มคอนเทนเนอร์ที่รองรับแพลตฟอร์ม Kubernetes ด้วย Azure Kubernetes Service (AKS) หรือผู้ใช้ระดับองค์กรก็ยังมี Azure Red Hat OpenShift ให้บริการ ทำให้ผู้ใช้สามารถโฟกัสกับการพัฒนาบริการ แทนที่จะเสียเวลากับการดูแลโครงสร้างพื้นฐาน

    สำหรับองค์กรที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลด้วยมาตรฐานต่างๆ Azure คือหนึ่งในผู้ให้บริการได้รับการรับรองมากที่สุด ครอบคลุมทั้งการรับรองจากมาตรฐานระดับโลกอย่าง ISO 27001 มาตรฐานระดับรัฐบาลประเทศต่างๆ และมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น ธุรกิจการเงินที่ต้องทำตามมาตรฐาน PCI-DSS หรือบริการสุขภาพที่ต้องทำตามมาตรฐาน HIPAA ก็ตาม

    เหตุผลที่ 2 Azure ลงทุนสร้างเครื่องมือเพื่อช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย


    ในยุคคลาวด์ ผู้ให้บริการได้รายได้ตามปริมาณการใช้งานจริง หลายครั้งที่มีการประมาณการใช้งานผิดพลาด จนกระทั่งเกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด Azure มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการสร้างเครื่องมือที่จะช่วยให้องค์กรใช้งาน Azure ได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด นำไปสู่การลดต้นทุนในระยะยาว

    เริ่มตั้งแต่บริการ Azure Migrate ที่วิเคราะห์ความจำเป็นของทรัพยากรที่ต้องใช้บนคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเซิร์ฟเวอร์ ทั้งบน Hyper-V, VMWare หรือฐานข้อมูล พร้อมกับบริการจากผู้ให้บริการภายนอกที่สามารถเข้าไปช่วยเหลือ ทำรายงานประเมินค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและแนวทางการลดค่าใช้จ่ายในรูปแบบต่างๆ

    [​IMG]

    Microsoft Azure ถูกกว่าผู้ให้บริการคลาวด์อื่นถึง 80% เมื่อใช้สิทธิ Azure Hybrid Benefit กับ Windows Server 2008

    ลูกค้าเดิมที่มีสิทธิ์ Azure Hybrid Benefit (คือลูกค้าที่ซื้อ License พร้อมกับมี Software Assurance ที่ยัง active อยู่) ยังสามารถใช้สิทธิ์มาช่วยลดค่าบริการบนคลาวด์ได้อีกมาก รวมถึงสิทธิ์การเข้าถึงอัพเดต patch ด้านความปลอดภัย สำหรับ Windows Server และ SQL Server 2008 ฟรี ช่วยขยายระยะเวลาการอัพเกรดแอปพลิเคชั่นออกไป นับเป็นสิทธิ์ที่ไม่มีผู้บริการอื่นให้ได้ ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมถูกกว่าคู่แข่งถึง 80%

    สำหรับการพัฒนาหรือทดสอบแอปใหม่ Microsoft Azure ยังมีราคาสำหรับการพัฒนาที่ไม่ต้องจ่ายค่าไลเซนส์เต็ม ทำให้นักพัฒนาเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ที่เหมือนจริง โดยที่องค์กรไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช่จ่าย

    [​IMG]

    ระหว่างการใช้งาน Microsoft Azure เปิดทางให้องค์กรสามารถปรับลดค่าใช้จ่ายด้วยการปรับรูปแบบการใช้งาน เช่น หันไปใช้สตอเรจแบบพิเศษสำหรับการเก็บข้อมูลระยะยาวสำหรับข้อมูลสำรองที่ราคาถูกกว่า หรือจะจองเครื่องระยะยาวล่วงหน้าเพื่อรับส่วนลดในกรณีที่ระบบมีโหลดค่อนข้างคงที่ และยังมีบริการ Azure Cost Management ที่ช่วยรายงานค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง และแนะนำถึงการเรียกใช้ทรัพยากรอย่างไม่คุ้มค่า

    เหตุผลที่ 3 Azure คือคลาวด์ที่ดีที่สุดสำหรับงานฐานข้อมูล SQL


    SQL Server คือซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลที่ได้รับความไว้วางใจในระดับองค์กรมาเป็นเวลานาน และเป็นระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชั่นธุรกิจจำนวนมาก จากความสามารถในการรองรับมาตรฐาน SQL อย่างครบถ้วนที่สุด และเพิ่มประสิทธิภาพสูงในเวอร์ชั่นใหม่ๆด้วยกระบวนการปรับแต่งประสิทธิภาพอัตโนมัติด้วย Machine Learning และมีฟีเจอร์ทั้งความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง

    Microsoft Azure รองรับ SQL Server อย่างเต็มรูปแบบพร้อมทางเลือกที่หลากหลายที่สุด โครงการ Azure Hybrid Benefit (คือลูกค้าที่ซื้อ License พร้อมกับมี Software Assurance ที่ยัง active อยู่) ทำให้องค์กรสามารถใช้ไลเซนส์เดิมบน Microsoft Azure ที่คลาวด์อื่นไม่มีตัวเลือกนี้ให้

    [​IMG]

    Microsoft Azure เปิดทางการย้าย SQL Server ขึ้นคลาวด์โดยมีตัวเลือกทั้งความเข้ากันได้เต็มที่ หรือการใช้คลาวด์เต็มรูปแบบ

    ตัวเลือกการใช้ฐานข้อมูล SQL Server บน Microsoft Azure ยังมีถึง 3 รูปแบบ ได้แก่

    • SQL Server on VM เลือกใช้ SQL Server เวอร์ชั่นเดิมที่องค์กรเคยใช้งานมาบน Virtual Machine ได้ทันที และสามารถใช้เวอร์ชั่น SQL Server 2008 เดิมไปจนว่าองค์กรจะพร้อมอัพเกรด เลือกช่วงเวลาซ่อมบำรุงและอัพเดตได้ตามเวลาที่ต้องการ จนถึงปี 2022
    • SQL Server Managed Instance บริการ SQL Server บน Microsoft Azure ที่เข้ากันได้กับ SQL Server เดิมที่ท่านมีใช้อยู่ภายในองค์กรแบบเต็มรปแบบ แต่ลดภาระการดูแลตัว Virtual Machine และการซ่อมบำรุงออกไป โดยให้ทางไมโครซอฟท์เป็นผู้ดูแลการอัพเดตต่างๆ ให้เอง
    • SQL DB แบบ Single database/Elastic pool ให้บริการแบบ Platform as a Service ของระบบฐานข้อมูล Database บนโครงสร้างของ Microsoft Azure โดยตรง ทำให้สามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างละเอียด ทั้งการคิดค่าใช้งานแบบจองทรัพยากรล่วงหน้า, การคิดตามทรัพยากรที่ใช้งานจริง (database transaction unit - DTU) ที่รวมเอาทั้งการใช้งานซีพียู, ดิสก์, และแรม คำนวณเข้าไว้ด้วยกันเพื่อลดความยุ่งยาก หรือแม้แต่โมเดล Serverless ที่เปิดทางให้ Azure สามารถเพิ่มหรือลดทรัพยากรได้เอง และคิดค่าใช้ทรัพยากรเป็นวินาที

    แนวทางเช่นนี้ทำให้องค์กรมีทางเลือก และเส้นทางการพัฒนาได้หลากหลายรูปแบบ ทำให้การย้ายขึ้นคลาวด์ช่วงแรกอาจเลือกบริการที่ยังเข้ากันได้กับระบบเดิมอย่างสูง แล้วค่อยๆ เลือกใช้งานบริการคลาวด์เต็มรูปแบบกับบริการใหม่ๆ โดยที่นักพัฒนายังคงคุ้นเคยกับเครื่องมือต่างๆ และโค้ดเดิมยังทำงานได้ด้วยการปรับแต่งไม่มากเกินไป

    สนใจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในการย้ายฐานข้อมูลเลือก Azure วันนี้ โดยลงทะเบียนเพื่อรับการติดต่อกลับได้ที่ https://aka.ms/AzureMigrationTH หรือสนทนากับฝ่ายขายได้ที่ https://aka.ms/AzureMigrationTH_Chat

    สำหรับในประเทศไทยนั้น มีผู้ให้บริการและให้คำปรึกษา Microsoft Azure หลักๆ ได้แก่

    • Ingram Micro: 094-456-5197, Pornsit.Palilai@ingrammicro.com
    • Rhipe: 02-087-9298, thailand@rhipe.com
    • VST ECS: 092-694-5199, Pongjakr@vstecs.co.th
    Topics: Microsoft AzureCloud Computing
     

แบ่งปันหน้านี้