หุ้นไทยแกร่งสุดในภูมิภาค เหตุเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง และต่างชาติซื้อสุทธิไม่มากนัก ประเมินตลาดหุ้นจะผันผวน นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยในรอบ 30 วันที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงน้อยที่สุดในภูมิภาคที่ 2.58% ขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปรับตัวลดลง 7% ตลาดหุ้นฮ่องกง 7.79% ตลาดหุ้นไต้หวัน ปรับตัวลดลง 6.6 % ซึ่งเป็นผลจากความชัดเจนในเรื่องนโยบายเศรษฐกิจของประเทศไทย และเงินทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนประเทศไทยน้อยเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น "การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นภูมิภาคในรอบที่ผ่านมา เป็นผลมาจากความกังวลเรื่องการสิ้นสุดของมาตรการคิวอี ของธนาคารกลางสหรัฐ ทำให้มีความกังวลในเรื่องการปรับเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยมีมากขึ้น รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ของยุโรปที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่มีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติจำนวนมาก อย่างตลาดหุ้นเกาหลี และฮ่องกง" นายเกียรติพงศ์ กล่าวเสริมว่า ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้กับภาวการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลก มีความผันผวนไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าปัจจัยต่างประเทศจะมีความชัดเจน ในส่วนตลาดหุ้นไทย ยังได้รับปัจจัยหนุนเรื่องความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ จากการมีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวได้โดดเด่น เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นที่ถูกคำนวณในเอ็มเอสซีไอ ที่มีแนวโน้มลดลงรุนแรง ซึ่งความเสี่ยงที่ไทยจะปรับตัวลดลงตามดัชนีเอ็มเอสซีไอมีไม่มาก "การปรับตัวลดลงของ เอ็มเอสซีไอ เกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศดังกล่าว ซึ่งในอนาคตตลาดหลักทรัพย์ มองว่า กลุ่มประเทศดังกล่าวจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และช่องว่างการเติบโตของดัชนีตลาดหุ้นไทยกับดัชนีเอ็มเอสซีไอจะลดลง" นายเกียรติพงศ์ กล่าว สำหรับภาวการณ์ตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.ย. ปิดที่ 1,585.67 จุด เพิ่มขึ้น 1.54 % ปรับเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2556 ที่ 22.10 % ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดอันดับที่ 3 ของภูมิภาค รองจาก อินเดียที่ปรับเพิ่มขึ้น 25.79 % และ ฟิลิปปินส์ที่เพิ่มขึ้น 23.66 % มีระดับราคาปิดกำไรต่อหุ้น (พี/อี) ที่ 16.15 เท่า มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 2.94 % กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นนับจากต้นปีคือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ปรับเพิ่มขึ้น 34.9 % กลุ่มสถาบันการเงิน 33.8 % และกลุ่มบริการ 26.6 % ส่วนกลุ่มที่ปรับเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดคือ กลุ่มอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 0.2 % กลุ่มทรัพยากร เพิ่มขึ้น 13.9 % และกลุ่มอาหาร เพิ่มขึ้น 15.8 % โดยนักลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก นอนเซ็ท 100 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 44 % ในขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณสิ้นเดือน ก.ย.อยู่ที่ 14.43 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากต้นปี 25 % ส่วนตลาดหุ้นเอ็มเอไอมีมาร์เก็ตแคป 329,491 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากต้นปี 86 % ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังเป็นผู้ซื้อสุทธิ เป็นเดือนที่ 3 ที่ 20,800 ล้านบาท แต่ขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้ 28,000 ล้านบาท เป็นผลจากความกังวลเรื่องการอ่อนค่าของเงินบาท นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ ยังเห็นสัญญาณของการออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยจากต้นปีถึงต้นเดือนส.ค. มีมูลค่ากองทุนที่ลงทุนต่างประเทศ 38,381 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนทั้งปีที่ 4,230 ล้านบาท เป็นผลจากช่วงต้นปีมีปัญหาการเมืองในประเทศทำให้นักลงทุนไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น เพื่อต้องการกระจายความเสี่ยง รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายกฎเกณฑ์การไปลงทุนต่างประเทศ ซึ่งการตอบรับที่ดีของนักลงทุนทำให้ในอนาคตตลาดหลักทรัพย์อาจมีการพิจารณาการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่างอีทีเอฟอ้างอิงตลาดหุ้นต่างประเทศ เข้ามาตอบสนองนักลงทุน Tags : เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา • ตลาดหุ้น • ภูมิภาค