สแตนชาร์ตลุ้นจีดีพีไทยปีหน้า6%

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 16 ตุลาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    "สแตนชาร์ต" คาดจีดีพีโลกโต 3.4% ปีหน้า หนุนจีดีพีไทยพุ่ง 6% การเมืองมีเสถียรภาพรัฐบาลทำหน้าที่ต่อเนื่อง

    นายเอดวาร์ด ลี หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (สแตนชาร์ต) ให้ข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2558 ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ 3.4% จาก 3% ในปีนี้ และกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลักขายตัวได้ 2.1% ปีหน้า จาก 1.7% ปีนี้ บนพื้นฐานความคิดที่ว่าเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะดีขึ้นกว่าปีนี้ และสหรัฐลดใช้นโยบายผ่อนคลายแบบค่อยเป็นค่อยไป

    ปีหน้าเป็นเรื่องการเปลี่ยนผ่าน และการใช้นโยบายแตกต่างสวนทางกันมากขึ้นในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ แนวโน้มสหรัฐฟื้นตัวมากขึ้นทำให้เฟดกล้าขึ้นดอกเบี้ย ส่วนยุโรปมีปัญหาภาคการลงทุนยังไม่ฟื้น อาจเกิดภาวะถดถอย

    "สแตนชาร์ตมองปีหน้าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยกลางปีหน้า ราวเดือนมิ.ย.เป็นต้นไป จะขึ้นแบบไม่พรวดพราด ไม่เกิน 1% มาอยู่ที่ประมาณ 1% เพราะมองคุณภาพการจ้างงานยังไม่ดีพอ อยากเห็นการจ้างงานให้ผลิตภาพที่ดีเพิ่มขึ้น"

    นายลี มองด้วยว่า ญี่ปุ่นพยายามแก้ปัญหาภายใน ทำให้ทั้งญี่ปุ่นและยุโรป อาจใช้นโยบายอัดฉีดเงินช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ ส่วนจีนอยู่ช่วงเปลี่ยนผ่านปฏิรูปเศรษฐกิจและหาจุดต่ำสุดเจอแล้ว อีกทั้งสามารถหาจุดสมดุลทำเศรษฐกิจโตได้แล้ว จีนอาจใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้นเป็นวงกว้าง อาจลดดอกเบี้ยนโยบายปลายปีนี้ถึงปีหน้า

    ส่วนภาพรวมเอเชียปีหน้า เขาเห็นว่า จะเป็นภูมิภาคช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกได้ดี เอเชียไม่ได้โตร้อนแรงแต่สามารถขยายตัวดีขึ้นดีกว่าส่วนอื่นของโลก เศรษฐกิจโลกสดใสดีขึ้น จะช่วยให้เอเชียปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย

    นางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปีหน้า มีบทบาทกำหนดเศรษฐกิจไทยเชิงบวกอย่างมาก ทำให้สแตนชาร์ตให้จีดีพีไทยโตได้ 6% จากเดิมให้ไว้ 4.5%

    ส่วนปีนี้ได้ปรับลดมาเหลือ 2.7%จากเดิมให้ 3.5% ซึ่งเหตุที่มองดีกว่าคนอื่น เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยผ่านพ้นจุดเลวร้ายต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสแรก มาไตรมาสสองทรงๆ ตัวหยุดอยู่กับที่ ไตรมาสสามเริ่มผงกหัวเคลื่อนตัว ทำให้ไตรมาสสุดท้ายปีนี้น่าจะโตในอัตราเร่งไม่ต่ำกว่า 4 ได้

    นางอุสรา กล่าวต่อว่า มี 3-4 ปัจจัย ช่วยให้จีดีพีปีหน้าโต ปัจจัยแรกหากย้อนดู 6 -7 ปีก่อน ไทยผ่านมรสุมเศรษฐกิจมามาก ทั้งวิกฤตซับไพร์ม น้ำท่วม การเมืองภายใน ทำให้ไทยไม่สามารถใช้ศักยภาพให้โตได้ 4-4.5% อย่างในอดีตได้ ไทยยังผ่านพ้นปัญหามาได้ ด้วยปัจจัยพื้นฐานกับภาคเอกชนที่เข้มแข็ง

    ความสามารถลงทุนกับการบริโภคที่เคยเผชิญปัญหาชั่วคราว เคยทำให้ไทยโตไม่ได้ช่วงปลายปีถึงกลางปีนี้ ในตอนนี้มีรัฐบาลสามารถทำหน้าที่วางนโยบายทำให้ปฏิบัติเกิดผลจริงได้ ช่วยความเชื่อมั่นดีขึ้นตามลำดับ

    ส่วนปัจจัยที่สองอุปสรรคการเติบโตลดลง อย่างตัวเลขขอส่งเสริมการลงทุนจากกรมส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะนี้ค้างอยู่ 7 แสนล้านบาท แต่เงินเหล่านี้ลงทุนแล้วจริงมีน้อยมาก ที่รออนุมัติมี 900 กว่าโครงการ เพิ่งอนุมัติ 175 โครงการ สะท้อนเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (เอฟดีไอ) เห็นศักยภาพของไทยและการลงทุนกำลังฟื้น

    นอกจากนี้การลงทุนภาครัฐ ปีหน้าเป็นปีแรกของโครงการลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐาน 8 ปี ช่วยให้การลงทุนภาครัฐโต 2 หลักที่11.6% เทียบ 2.5% ปีนี้ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนที่เคยโตติดลบ พอสถานการณ์การเมืองดีทุกอย่างผ่านไปด้วยดี การลงทุนจะโตเป็นบวกปีหน้า เพราะเอกชนเตรียมขยายกำลังผลิต

    ส่วนการบริโภคจะกระเตื้องดีขึ้น ไม่ได้เลวร้าย ภาระหนี้ครัวเรือนสูงอาจทำให้ขาดความเชื่อมั่นและกำลังซื้อบ้าง แต่โดยรวมแล้วเชื่อว่าสภาพคล่องการเงินในประเทศ สินทรัพย์ในมือภาครัวเรือนมีสูง สินทรัพย์มีมากกว่าหนี้ครัวเรือน

    สุดท้ายเป็นเรื่องส่งออกแม้จะดีขึ้นแต่ไม่ดีเหมือนที่ผ่านมาก่อนวิกฤติซับไพร์ม ปีหน้าคาดว่าส่งออกจะโต 4.5% จากฐานต่ำ 0.5% ปีนี้ เหตุราคาโภคภัณฑ์ที่ต่ำใกล้เคียงปีนี้ส่งผลมูลค่าส่งออกไม่ค่อยโต

    น.ส.อุสรา ยอมรับว่า ความเสี่ยงอยู่ที่เสถียรภาพการเมืองสำคัญสุด และหากปีหน้าเศรษฐกิจขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 4.8%ตามคาดการณ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือนโยบายการคลังช่วยเร่งเศรษฐกิจฟื้นตัวปีหน้าโตได้ 6% อาจมีการขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปที่ละ 0.25% และทั้งปีอาจขึ้นถึง 1%ได้

    ที่ผ่านมามีเงินไหลออกจากตลาดไทยเป็นยอดขายสุทธิ ทำให้มีเงินเหลืออยู่น้อย สัดส่วนการถือบอนด์ของต่างชาติในไทยเพียง 15% ของทั้งหมดน้อยกว่ามาเลเซียที่อยู่ในระดับ 20-25% และอินโดนีเซีย 30% ทำให้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดเงินของไทยเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ย ค่อนข้างน้อย

    "ปีหน้าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีกว่าต่างชาติ คาดต่างชาติอาจกลับเข้ามาเพิ่มการลงทุน แต่คิดว่าช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ น่าจะมีสัญญาณทุนต่างชาติเริ่มไหลเข้ามาจนถึงไตรมาสแรกปีหน้า เพราะเงินที่ทำกำไรจากตลาดพัฒนาแล้วในภาวะที่เฟดกำลังขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้เงินไหลกลับเข้ามาในตลาดเกิดใหม่รวมทั้งไทยมากขึ้น"

    Tags : สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด • จีดีพี • เศรษฐกิจ • รัฐบาล • อุสรา วิไลพิชญ์

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้