"อินโดรามา เวนเจอร์ส" คาดรายได้ไตรมาส 4 สูงสุดของปี เหตุกำลังผลิตเพิ่มกว่า 8 หมื่นตัน จากอินโดนีเซียและโปแลนด์ นายริชาร์ด โจนส์ หัวหน้านักลงทุนสัมพันธ์ และการสื่อสารองค์กร บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทคาดจะสามารถทำรายได้ได้ตามเป้าที่วางไว้ คือ เติบโตประมาณ 24-25% จากปีก่อนที่ทำได้ 7,456 ล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (อิบิทด้า) จะเติบโตมากกว่าการเติบโตของรายได้ จาก 487 ล้านดอลลาร์เมื่อปีก่อน นอกจากนี้คาดกำไรสุทธิจะมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 43 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้น จากโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกที่โปแลนด์ ซึ่งจะกลับมาดำเนินงานอีกครั้ง หลังหยุดผลิตเป็นเวลา 6 สัปดาห์เพื่อปรับปรุงสายการผลิตในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และโรงงานผลิตเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ในอินโดนีเซีย ที่จะมีกำลังการผลิตสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง "เท่าที่คุยกับผู้บริหารถึงเป้าหมายและการคาดการณ์ต่างๆ ยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่า ในไตรมาส 4 บริษัทจะทำรายได้สูงสุดของปี หลังจะสามารถรับรู้รายได้เต็มไตรมาส จากโรงงานในโปแลนด์และอินโดนีเซีย คาดจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 80,000 ตัน ส่วนกำไรของบริษัทยังประเมินได้ไม่ชัดเจน เพราะไม่ทราบว่าราคาน้ำมันดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักมีราคาลดลงอย่างมาก จะส่งผลกระทบต่อราคาขายมากแค่ไหน" นายริชาร์ด กล่าว ส่วนการซื้อกิจการโรงงานโพลีเมอร์ในประเทศตุรกี กำลังการผลิต 1.3 แสนตันต่อปี จากบริษัท ซาซ่า โพลีอีสเตอร์ จำกัด (มหาชน) อาจจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปีหน้า จากกำหนดการเดิมที่คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อกฎหมายของประเทศกลุ่มยุโรปเกี่ยวกับประเด็นเรื่องการผูกขาดตลาด (Monopoly Market) เพราะบริษัทมีโรงงานอยู่ในโปแลนด์และเยอรมันก่อนนี้แล้ว แต่โรงงานที่อยู่ในยุโรปเป็นโพลิเมอร์คนละประเภทกัน "แม้การเจรจาซื้อกิจการในตุรกีอาจจะไม่ทันในปีนี้ แต่จะไม่กระทบกับผลประกอบการของบริษัทที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ เนื่องจากบริษัทจะคาดการณ์จากสิ่งที่เป็นทรัพย์สินของบริษัทแล้วเท่านั้น โดยส่วนตัวเชื่อว่าการซื้อกิจการในครั้งนี้ไม่น่าจะมีปัญหา และจะสามารถปิดดีลการซื้อกิจการได้สำเร็จ สำหรับกำลังการผลิตของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 8.5 ล้านตันต่อปี โดยมีอัตราการผลิตอยู่ที่ประมาณ 87% ซึ่งในอนาคตบริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่ 90%" นายริชาร์ด กล่าว ด้าน บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ถึงแม้บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จะมีการปรับตัวที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาด 12% หลังการประกาศโครงการใหม่ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา แต่เรามองว่าราคาหุ้นมีอัพไซด์ที่จำกัด เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วงครึ่งหลังของปี แต่เรามีมุมมองในเชิงบวกต่อเป้าหมายการดำเนินงานสำหรับปี 2561 ส่วนการซื้อกิจการ SASA Polyestre Sanayi A.S. อาจเลื่อนไปเป็นปีหน้า แม้จะมีการเซ็นสัญญาซื้อขายหุ้นในวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่บริษัทระบุว่าการซื้อกิจการ มีความล่าช้าด้านกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ดีลสามารถเสร็จสิ้นได้เร็วสุดคือไตรมาส 4 ปีนี้ ทั้งนี้ บล.ทิสโก้ ปรับประมาณการของบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส ลง 15% เพื่อสะท้อนความล่าช้าของ SASA ประกอบกับต้นทุนการดำเนินงาน และผลขาดทุนของบริษัทลูกที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และถึงแม้บริษัทจะสามารถเจรจาซื้อกิจการเสร็จสิ้นในปีนี้ แต่ผลประกอบการจะยังคงไม่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าผลประกอบการจะอยู่ที่ 7.6 พันล้านบาทสำหรับปี 2558 Tags : ริชาร์ด โจนส์ • อินโดรามา เวนเจอร์ส • IVL