เมื่อปี 2016 Elon Musk เคยเผยแผนระยะยาวของ Tesla ในชื่อ "Master Plan, Part Deux" (Deux แปลว่า 2 ในภาษาฝรั่งเศส) ซึ่งระบุไว้ว่าสุดท้ายแล้วผู้คนจะไม่มีความจำเป็นต้อง "ซื้อ" รถยนต์อีกต่อไป แต่จะใช้วิธีเรียกรถไร้คนขับจากแอพแทนเพื่อเดินทางไปจุดหมาย อีกทั้งยังสามารถส่งรถ Tesla ของเราออกไปวิ่งหารายได้ได้ในเวลาที่เราไม่ใช้รถ เช่นช่วงกลางวันที่เราทำงานอยู่ ล่าสุด Elon Musk ได้พูดคุยทางทวิตเตอร์เรื่องฮาร์ดแวร์ FSD ที่เพิ่งใส่มาในรถยนต์ Tesla ทุกคันเมื่อราว 3 เดือนที่แล้ว และมีคนทวีตไปถามว่าหากต่อไปความต้องการรถยนต์ลดลง (เพราะทุกคันขับอัตโนมัติได้หมด) เพื่อให้อุปสงค์และอุปทานสมดุลกัน Tesla จะต้องขึ้นราคารถอีกหลายเท่า นี่แปลว่าลูกค้าจะมีเวลาที่จำกัดเพื่อซื้อรถยนต์ในราคาปัจจุบันใช่หรือไม่ ซึ่ง Elon Musk ก็ตอบสั้นๆ ตรงๆ ว่า "ใช่" Yes — Elon Musk (@elonmusk) July 8, 2019 Elon ย้ำว่าลูกค้าจะยังสามารถซื้อรถ Tesla ได้ แต่ราคาจะแพงขึ้นมาก เนื่องจากแท็กซี่ขับอัตโนมัติ หรือที่ Elon เรียกว่า "Robotaxi" นั้นมีค่ามากกว่ารถปกติมาก To be clear, consumers will still be able to buy a Tesla, but the clearing price will rise significantly, as a fully autonomous car that can function as a robotaxi is several times more valuable than a non-autonomous car — Elon Musk (@elonmusk) July 8, 2019 ในงาน Autonomy Investor Day เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Telsa ทำนายว่า Robotaxi จะทำกำไรขั้นต้น (gross profit) ได้ปีละ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 924,000 บาท) โดยรถหนึ่งคันจะใช้งานได้ 11 ปี แปลว่าตลอดอายุของรถจะทำกำไรได้ 330,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 10 ล้านบาทเลยทีเดียว ผู้เล่นอื่นในวงการแท็กซี่ไร้คนขับก็เช่น Uber และ Waymo ที่มา - Electrek Topics: Tesla MotorsSelf-Driving Car