ฟันธงดัชนีปี58ทะลุ1,706จุด

หัวข้อกระทู้ ใน 'ข่าวสารการลงทุน' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 14 ตุลาคม 2014.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ผลสำรวจนักวิเคราะห์ฟันธงหุ้นไทยปี 58 ทะลุ 1,706 จุด รับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการลงทุนขนาดใหญ่

    สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ทั้ง 24 บริษัทหลักทรัพย์ พบว่า นักวิเคราะห์ได้มีการปรับเพิ่มประมาณการเติบโตของดัชนีหุ้นในปี 2558

    นางภรณี ทองเย็น อุปนายก สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน และผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า นักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มดัชนีหุ้นไทยปีหน้าอยู่ที่ระดับ 1,706 จุด ปรับเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนที่ทำการสำรวจ 1,698 จุด

    ทั้งนี้นักวิเคราะห์ มองการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 14.2% แรงหนุนจากปัจจัยเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลเป็นหลัก และการขยายตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และเงินทุนเคลื่อนย้าย และปรับเพิ่มการเติบโตในปี 2557 ใหม่ ที่ 1,574 จุด ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 90 จุดจากเดิม 1,484 จุด ปรับลดกำไรสุทธิเหลือ 8.5% ลดลงจากเดิมที่ 10.3% โดยได้รับปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง

    "จากการทำสำรวจความคิดเห็นแต่ละบล.ต่อมุมมองหุ้นไทยในปี 2557 พบว่า บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) มองต่ำสุดที่ 1,390 จุด ในขณะที่ บล.เออีซี ประเมินสูงสุดที่ 1,760 จุด ส่วนปี 2558 บล.ที่มองดัชนีต่ำสุดคือ บล.ซีไอเอ็มบีที่ 1,550 จุด ในขณะที่จุดสูงสุดคือ บล. เอเชีย เวลท์ ประเมินที่ 1,850 จุด" นางภรณี กล่าว

    จากการสำรวจนักวิเคราะห์ของ 24 บริษัทหลักทรัพย์ มองว่า ปัจจัยที่จะเข้ามาหนุนตลาดหุ้นในปี 2557 และปี 2558 คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล 87.3% การขยายตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 83.6% และเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้น 71.8%

    ส่วนปัจจัยลบ นักวิเคราะห์ประเมินความเสี่ยงสูงสุด ในเรื่องการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ 89.8% การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการส่งออก 84.8% และเศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำกว่าที่คาด 72.7%

    ส่วนคำแนะนำนักลงทุนนั้น ให้ลงทุนในหุ้นสามัญหรือกองทุนหุ้นในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 46% จากเดิม 40% ลดน้ำหนักหุ้นต่างประเทศอยู่ที่ 18% จากเดิม 21% ทองคำและโกลด์ฟิวเจอร์สอยู่ที่ 5% จากเดิม 6% ตราสารหนี้และกองทุนตราสารหนี้ ลดลงเหลือ 17% จากเดิม 20% เงินฝากและเงินสดคงเดิมที่ 13% และเพิ่มการลงทุนในส่วนอื่นๆ ทั้งอสังหาริมทรัพย์ และตราสารอนุพันธ์ 1%

    คำแนะนำนักลงทุนนั้น ให้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เน้นหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนของภาครัฐบาล และพื้นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ผู้บริหารโปร่งใส และกำหนดวัตถุประสงค์การลงทุนอย่างชัดเจน มีวินัยและ ติดตามข่าวสารทั้งภายในและภายนอกประเทศ กระจายความเสี่ยงการลงทุน โดยหุ้นที่แนะนำให้ลงทุนนั้น คือหุ้นสื่อสารขนาดใหญ่ที่มีการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ กลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน

    นอกจากนี้สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนยังปรับประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ลดลงเหลือ 1.6% จากครั้งก่อน 2.1% และประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2558 ลดลงที่ 4.3% จากครั้งก่อน 4.5% อัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ที่ 32.8 บาทต่อดอลลาร์ และปีหน้าจะอยู่ที่ 33.0 บาทต่อดอลลาร์

    ส่วนราคาทองคำ มองว่า ปีนี้จะอยู่ที่ 18,681 บาทต่อบาททองคำ ปรับลดลงจากครั้งก่อนที่ 20,494 บาทต่อบาททองคำ ส่วนแนวโน้มราคาทองคำปี 2558 จะอยู่ที่ 19,540 บาทต่อบาททองคำปรับลดลงจากครั้งก่อนที่ 20,875 บาทต่อบาททองคำ

    ส่วนการแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยนั้น ประเมินว่า ความเป็นไปได้ที่จะปรับเพิ่มดอกเบี้ยถึง 75% โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่แนะนำคือ 2.44% มองว่าความเสี่ยงที่จะปรับเพิ่มขึ้นดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 ถึง 33.3%

    สำหรับบล.เอเชียพลัสนั้น มองการเติบโตของหุ้นในไทยในปัจจุบันยังอยู่ในภาวการณ์ปรับฐาน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมายังถือว่าปรับฐานค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับทางยุโรปและตลาดหุ้นในหลายประเทศ ปรับลดลงเพียง 1-2% เท่านั้น ทำให้มีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลง ขึ้นอยู่กับผลประกอบการไตรมาส 3 ช่วงกลางเดือนต.ค. หากต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์

    โดยมองดัชนีตลาดหุ้น จะถูกประคองโดยนักลงทุนสถาบันในประเทศ จากเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่คาดจะไหลเข้าต่อเนื่องช่วงที่เหลือของปีนี้

    ส่วนเงินทุนต่างชาติ ยังมองว่า จะไม่ไหลเข้าประเทศไทยในระยะสั้น เพราะเขายังมองระดับราคาหุ้นไทยแพงกว่าปกติ และมีความเสี่ยงในเรื่องการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่หลายฝ่ายมองว่า จะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2558 แม้ความกังวลดังกล่าวจะคลี่คลายลงไปมาก แต่ทั้งนี้ในมุมมองของบริษัทหลักทรัพย์ ยังเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติน่าจะเข้าซื้อในช่วงปีหน้า

    ในระยะสั้นอาจส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ อาจปรับตัวลดลงได้อีกครั้ง และในกรณีที่แย่ที่สุดน่าจะปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 1,472 จุด ระดับพีอี 15 เท่าได้ ทั้งนี้แนะนำให้นักลงทุนถือหุ้น 30% และเงินสด 70% โดยเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ส่วนประมาณการปีหน้าอยู่ที่ 1,657 จุด ระดับราคาปิดกำไรต่อหุ้น (พีอี) ที่ 15 เท่า

    Tags : สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน • ภรณี ทองเย็น • ตลาดหุ้น • กระตุ้นเศรษฐกิจ

    [​IMG]
     

แบ่งปันหน้านี้