เมื่อต้นเดือนมิถุนายนไมโครซอฟท์ได้ออกอัพเดตเวอร์ชัน 1.35 ให้กับ Visual Studio Code มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงหลายอย่าง การปรับปรุงที่น่าสนใจอย่างแรก คือการเพิ่มตัวเลือกการแสดงผลแบบใหม่ให้กับหน้าเทียบโค้ด (diff view) ขณะกำลัง merge conflict ทำให้สามารถเลือกที่จะเปิด diff view ขึ้นมาเป็นกลุ่มของ editor ชุดใหม่ได้ทั้งทางขวาหรือด้านล่าง editor ชุดเดิม แทนที่จะเปิดเป็นแท็บใหม่ซึ่งพาผู้ใช้ออกจากแท็บของโค้ดที่กำลังตัดสินใจ merge อย่างแต่ก่อน ภาพตัวอย่างการเปิด diff view ด้านล่าง editor ชุดเดิม และในขณะเดียวกันหน้า diff view เองยังได้ถูกปรับปรุงให้ช่วยแสดงผลการเทียบโค้ดของทั้งไฟล์ ไม่ใช่แค่เพียงบรรทัดของโค้ดที่กำลังจะ merge เท่านั้น ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักพัฒนาที่ใช้ระบบจัดการซอร์สโค้ดซึ่งสามารถ merge conflict (เช่น Git) ไม่น้อย ท่านใดสนใจเข้าไปตั้งค่า merge-conflict.diffViewPosition ได้ที่หน้า Settings ส่วนอีกอย่างเป็นการเพิ่มฟีเจอร์ smart selection ให้กับภาษา JavaScript และ TypeScript ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้กับการเพิ่มไฮไลท์หรือยกเลิกไฮไลท์โค้ด ด้วยการทำให้การเลื่อนตำแหน่งเคอร์เซอร์ เมื่อกดคีย์ลัด Shift + Alt + ลูกศร ขวา/ซ้าย แต่ละครั้งสอดคล้องกับบริบทของภาษา สำหรับการปรับปรุงอื่นๆ ที่ไมโครซอฟท์ยกให้เป็นไฮไลท์ของอัพเดตครั้งนี้มีดังนี้ เริ่มเปลี่ยนไปใช้โลโก้/ไอคอนใหม่ (ที่เคยถูกวิจารณ์ว่าคล้าย Excel) เพิ่มการตั้งค่า editor.gotoLocation.multiple: goto เพื่อปรับปรุงให้คำสั่ง Go to Difinition สามารถกดคีย์ลัด F12 เพื่อกระโดดไปยังตำแหน่งของโค้ดที่พบ Difinition ณ ตำแหน่งๆ อื่น นอกเหนือจากที่พบเป็นตำแหน่งแรก เปิดใช้งาน Breadcrumb เป็นค่า Default เข้าไปเลือกเปิด/ปิดได้ที่ View > Toggle Breadcrumbs เพิ่มตัวช่วย refactoring type สำหรับภาษา TypeScript (คลิกที่ไอคอนหลอดไฟหน้าโค้ดที่เลือก > Extract to type alias) ปรับปรุง terminal ให้รองรับการแสดงผลสีแบบ true color (24-bit) เพิ่มคีย์ลัด Ctrl + ลูกศรซ้าย ช่วยยุบ list หรือ tree ทั้งหมดในคราวเดียว เริ่มเปิดให้ใช้งานส่วนขยาย Remote Development กับ VS Code รุ่น Stable แล้ว (ตัวส่วนขยายเองยังคงอยู่ในเวอร์ชันพรีวิว) ที่มา - Visual Studio Code Topics: Visual Studio CodeVisual StudioDevelopmentMicrosoft