"มาลีนนท์" ไม่เพิ่มทุนเอ็นพาร์ค แจงที่ผ่านมาหวังแค่รีเทิร์นส่วนต่างราคาหุ้น เผย ถือหุ้น 2 ปีรับกำไร 106.8% นางสาวแคทลีน มาลีนนท์ หนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัท แนเชอรัล พาร์ค (NPARK) เปิดเผยเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนของกลุ่มมาลีนนท์ในบริษัท แนเชอรัล พาร์คว่า เพื่อรับผลตอบแทนเท่านั้น ไม่ได้ต้องการมีส่วนร่วมในการบริหารธุรกิจแต่อย่างใด ขณะเดียวกันจากกรณีล่าสุดที่บริษัท แนเชอรัล พาร์ค ประกาศเพิ่มทุน 3.19 แสนล้านหุ้น เธอระบุว่าไม่มีความต้องการรักษาสัดส่วนหุ้นในบริษัท แนเชอรัล พาร์ค เช่นกัน “จริงๆ แล้วต้องการ เป็นไซเลนท์อินเวสเตอร์ ตั้งแต่เริ่มแรกก็ไม่มีนโยบายร่วมบริหารอยู่แล้ว จนตอนนี้ก็ลดสัดส่วนการถือหุ้นมาเรื่อยๆ ในการเพิ่มทุนครั้งล่าสุดก็ไม่มีแผนจะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทนี้” ทั้งนี้ กลุ่มมาลีนนท์ เริ่มต้นเข้าถือหุ้นในบริษัท แนเชอรัล พาร์ค เมื่อเดือนธ.ค.2555 บริษัท แนเชอรัล พาร์ค ได้จัดสรร และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 53,936.69 ล้านหุ้น ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PRIVATE PLACEMENT) โดยเสนอขายในราคาหุ้นละ 0.029 บาท ให้กับนายประชา มาลีนนท์ หรือบริษัทของนายประชา จำนวน 2.95 หมื่นล้านหุ้น หรือสัดส่วน 24.5% เป็นเงินจำนวน 855.5 ล้านบาท นายศานติ ประนิช และนายฟิลิปวีระ บุนนาค คนละ 1.2 หมื่นล้านหุ้น เป็นเงิน 348 ล้านบาท ทำให้บริษัทได้เงินทั้งสิ้น 1,551.5 ล้านบาท อย่าไงรก็ตาม ในเดือนเม.ย.2556 ทางบริษัท แนเชอรัล พาร์ค ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า มอร์แกน สแตนเลย์ แอนด์ โค. อินเตอร์เนชั่นแนล พีแอลซี ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของบริษัท โดยถือหุ้นจำนวน 23,550 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 19.56% ส่วนนายฟิลิปวีระ บุนนาค ถือหุ้นจำนวน 12,000 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 9.96% นายศานติ ประนิช ถือหุ้นจำนวน 12,000 ล้านหุ้น สัดส่วน 9.96% และนายประชา มาลีนนท์ ถือหุ้นในสัดส่วน 5,950 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.94% ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่นายประชา จะถูกศาล ตัดสินมีความผิดในคดีฮั้วการประมูลเรือและรถดับเพลิง ทั้งนี้ ณ วันปิดสมุดทะเบียนที่ 28 ส.ค.2557 การถือหุ้นในบริษัท แนเชอรัล พาร์ค ของกลุ่มมาลีนนท์ ได้เปลี่ยนมาอยู่ในชื่อของนางสาว แคทลีน มาลีนนน์ ถือหุ้นจำนวน 7,140 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.95% และ วันปิดสมุดทะเบียนที่ 26 ก.ย.2557 กลุ่มมาลีนนท์ ไม่มีการถือครองหุ้นในบริษัท แนเชอรัล พาร์ค หากคำนวณจากสัดส่วนการถือหุ้นล่าสุด จำนวน 7,140 ล้านหุ้น ที่ราคาต้นทุนการซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงเมื่อเดือนธ.ค.2555 ที่ 0.029 บาทต่อหุ้น กลุ่มมาลีนนท์จะมีต้นทุนในการลงทุน 207.06 ล้านบาท เทียบกับราคาหุ้นเฉลี่ยในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นเดือนที่กลุ่มมาลีนนท์ ไม่มีสัดส่วนการถือหุ้นแล้ว มีราคาเฉลี่ย 0.06 บาทต่อหุ้น กลุ่มมาลีนนท์จะมีมูลค่าการขายหุ้นอยู่ที่ 428.4 ล้านบาท คิดเป็นส่วนต่างกำไรจากการขายหุ้น 221.74 ล้านบาท หรือมีกำไร 106.89% เมื่อวันที่ 7ต.ค.2557 บริษัท แนเชอรัล พาร์ค (NPARK) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการ อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทเพื่อพิจารณาอนุมัติการเข้าทำรายการซื้อกิจการของบริษัท บีทีเอส แอสเสทส์ จำกัด (BTSA) และบริษัท ก้ามกุ้ง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (ก้ามกุ้ง) ซึ่งประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยการซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของทั้งสองบริษัทจากบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 10,011 ล้านบาท บริษัทจะชำระราคาค่าตอบแทน เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทและใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทรุ่นที่ 2 (NPARK-W2) ซึ่งจะออกและจัดสรรให้แก่บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ โดยมอบอำนาจให้คณะกรรมการบริษัทและ/หรือกรรมการผู้จัดการเป็นผู้มีอำนาจในการเจรจาตกลงราคาซื้อกิจการสุดท้ายก่อนการเข้าทำรายการดังกล่าวภายหลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว โดยราคาซื้อกิจการสุดท้ายจะอยู่ภายใต้การตรวจสอบกิจการและสินทรัพย์ของบีทีเอส แอสเสทส์ จำกัด และก้ามกุ้ง คณะกรรมการอนุมัติการเพิ่มทุน 3.19 แสนล้านหุ้น พาร์ 1 บาท เพื่อแลกกับสินทรัพย์ของ บีทีเอส แอสเสทส์ และ ก้ามกุ้ง โดยแบ่งเป็น การจัดสรรแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ให้กับ BTS จำนวน 2.13 แสนล้านหุ้น ในราคา 0.047 บาท และอีก 1.06 แสนล้านหุ้น รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิ (NPARK-W2) ที่จะออกและจัดสรรให้แก่ BTS โดยไม่คิดมูลค่า โดยราคาใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวจะเท่ากับ 0.047 บาท Tags : แคทลีน มาลีนนท์ • แนเชอรัล พาร์ค • NPARK • เพิ่มทุน