โบรกเกอร์ คาดกลุ่มแบงก์ไตรมาส 3 กำไรเพิ่มขึ้น 3% จากงวดเดียวกันปีก่อน หรืออยู่ที่ 5.23 หมื่นล้านบาท เหตุการเติบโตสินเชื่อต่ำ ขณะที่กลุ่มแบงก์ใหญ่ดีขึ้น ด้านแบงก์ที่เน้นธุรกิจเช่าซื้อชะลอต่อเนื่อง ขณะที่แนวโน้มปีหน้าสดใส หวังการลงทุนขนาดใหญ่ จะส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคารครึ่งหลังปีหน้า บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร เพราะในระยะยาว ยังมีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้น แม้กลุ่มธนาคารจะประกาศผลประกอบการระหว่างช่วง 13-21 ต.ค.นี้ คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้ จะมีกำไร 5.23 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากงวดไตรมาส 2 และ 3% เทียบจากงวดเดียวกันปีก่อน การเติบโตของสินเชื่อยังคงอ่อนแอ แม้เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม ซึ่งแบงก์กรุงเทพ (BBL) แบงก์กสิกรไทย (KBANK) และ แบงก์ทหารไทย (TMB) จะเป็นแบงก์ที่รายงานการขยายตัวสินเชื่อได้ในไตรมาส 3 เนื่องจากธนาคาร มีสัดส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีค่อนข้างสูง ขณะที่ธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อสูง ได้แก่ บริษัทเงินทุนธนชาต (TCAP) ธนาคารทิสโก้ (TISCO) และธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) น่าจะยังคงรายงานการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวลง อัตราส่วนดอกเบี้ยรับ (NIM) คาดจะทรงตัวได้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานน่าจะยังควบคุมได้ดี ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบปี ในไตรมาส 4 ปีนี้ จากผลของฤดูกาล ฝ่ายวิจัยคาดว่าแบงก์กรุงไทย (KTB) จะรายงานผลประกอบการเติบโต 22% จากงวดไตรมาส 2 ปีนี้ และแบงก์เกียรตินาคิน รายงานเติบโต 27% จากไตรมาส 2 ปีนี้ เพราะระดับการตั้งสำรองที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับปกติ จากขาดทุนที่น้อยลงจากการขายรถที่ถูกยึด โดยคุณภาพสินทรัพย์ยังทรงตัวดี ซึ่งคาดธนาคารขนาดใหญ่จะตั้งสำรองคงที่จากไตรมาสที่แล้ว ยกเว้น แบงก์กรุงไทย ส่วนอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ คาดจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เพราะการเติบโตของสินเชื่อที่ยังคงอ่อนแอ และคาดตั้งสำรองสำหรับสินเชื่อเพื่อรถยนต์จะปรับตัวลงในครึ่งปีหลังของปีนี้ เพราะคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น จากค่าแรงรายเดือนที่ปรับตัวสูงขึ้น พร้อมราคารถยนต์มือสองที่คงที่ขึ้น "ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำให้ซื้อหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจากแนวโน้มสินเชื่อปีหน้าสดใส" นักวิเคราะห์กล่าว บล.ฟิลลิป กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำให้ลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารมากกว่าปกติ เพราะคาดกลุ่มธนาคารจะมีกำไรไตรมาส 3 อยู่ที่ 5.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9%จากงวดเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อไตรมาส 3 ชะลอตัวจากการชำระคืนของสินเชื่อรายใหญ่ และสินเชื่อเช่าซื้อ อาจจะยังเห็นเอ็นพีแอลเพิ่มสูงขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นน่าจะชะลอตัวลง ยังคาดว่าไตรมาส 4 ปีนี้ สินเชื่อของกลุ่มจะกลับมาเติบโต ให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มเป็นลงทุนมากกว่าปกติ "ฝ่ายวิจัยคาดผลประกอบการกลุ่มธนาคาร 10 ธนาคารที่ทางฝ่ายทำการศึกษาจะมีกำไรสุทธิรวมกัน 5.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% จากงวดไตรมาส 2 ปีนี้ และงวดไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 4.9% คาดสินเชื่อของกลุ่มจะไม่เติบโตจากไตรมาสก่อน และจะเติบโตจากสิ้นปี 2556 เพียง 1.3% และอาจเห็นการเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอลได้อีกในไตรมาสนี้" นักวิเคราะห์ กล่าว ทั้งนี้แม้คาดว่า จะมีหลายธนาคารที่มีกำไรสุทธิลดลงในไตรมาส 3 แต่การกลับมาตั้งสำรองปกติของแบงก์กรุงไทย ทำให้การตั้งสำรองลดลงมาก และทำให้ผลประกอบการของแบงก์กรุงไทย รวมไปถึงของทั้งกลุ่มเติบโตขึ้น ซึ่งการชำระคืนสินเชื่อรายใหญ่ในเดือนสุดท้ายของไตรมาส 3 ปีนี้ และการหดตัวลงต่อเนื่องของสินเชื่อเช่าซื้อ ทำให้สินเชื่อของกลุ่มไม่เติบโต แต่ไตรมาส 4 ปีนี้ สินเชื่อจะยังเติบโตได้จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ประกอบกับเป็นช่วง High Season ของการจับจ่ายด้วย ส่วนคำแนะนำการลงทุน การกลับมาของโครงการลงทุนขนาดใหญ่น่าจะส่งผลดีต่อการเติบโตของสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลัง และต่อเนื่องไปในปี 2558 จึงให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าปกติ รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3 ปีนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.09% ขณะที่ดัชนีหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.73% หุ้นธนาคารที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย หุ้นแบงก์ทหารไทย เพิ่มขึ้น 27.27% หุ้นแบงก์กสิกรไทย เพิ่มขึ้น 15.20% รองลงมา หุ้นแบงก์แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 13.84% หุ้นแบงก์กรุงไทย 23.70% และหุ้นแบงก์ทิสโก้ ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 10.98% Tags : เมย์แบงก์ กิมเอ็ง • ตลาดหลักทรัพย์ • สินเชื่อ • ธนชาต