เรียกได้ว่าสถานการณ์คุ้นๆ อยู่เหมือนกัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ถือหุ้นใน Facebook จำนวนไม่น้อย โหวตให้มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ออกจากการเป็นประธานบริษัท และให้คนอื่นที่เป็นประธานอิสระมาทำแทน โดยผลโหวตมีมากถึง 68% ของจำนวนผู้ถือหุ้น แต่ตัวเลขดังกล่าวยังเป็นตัวเลขจากการวิเคราะห์ภายนอกจาก Open Mic องค์กรที่ทำงานร่วมกับผู้ถือหุ้นเพื่อยกระดับการกำกับดูแลกิจการใหญ่ในอเมริกา ยังไม่ใช่ตัวเลขทางการ เมื่อมาดูในเอกสารของ Facebook คือมีเสียงโหวตให้มีประธานอิสระ 1,139,241,589 คะแนน และที่คัดค้าน 4,546,321,706 คะแนน ซึ่งไม่ได้จำแนกว่าแต่ละคะแนนใครเป็นผู้โหวตบ้าง อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่มาร์คมีหุ้นใหญ่และนั่งเป็นบอร์ดคณะกรรมการบริษัท การโหวตจากนักลงทุนแม้มากขนาดไหนก็อาจไม่มีผล เพราะพวกเขาไม่ได้มีอำนาจมาบริหารจัดการภายใน มาร์คก็ยังคงเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดใน Facebook ต่อไป ภาพจาก Getty Images ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมนักลงทุนถึงอยากให้มาร์คออก ก็เป็นสิ่งที่สังคมรับรู้มานานว่า วิธีการจัดการบริหารโดยเฉพาะเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานนั้นไม่โปร่งใส หุ้นก็ตกลงเรื่องยๆ นับจากเหตุการณ์ Cambridge Analytica ไหนจะยังมีการสอบสวนเรื่องอำนาจผูกขาดของบริษัทเทคโนโลยี จากการวิเคราะห์ของ Open Mic 83.2% ของผู้ถือหุ้นภายนอกยังอยากให้ทบทวนวิธีการโหวตที่มีการแบ่งแยกชนชั้น คือ ผู้ถือหุ้นในคลาส A มีคะแนนโหวต 1 คะแนน แต่ ผู้ถือหุ้นในคลาส B ดันมี 10 คะแนน ซึ่งในคลาส B ก็มีแต่พวกผู้บริหารภายใน แล้วตัวมาร์ค ก็มีหุ้นของคลาส B มากกว่า 75% ซึ่งหมายความว่าเขามีอำนาจในการลงคะแนน 60%! ทำให้คะแนนโหวตของนักลงทุนภายนอกหมดความหมาย Michael Connor ผู้อำนวยการบริหารของ Open Mic บอกว่า "มาร์ค ซักเกอร์เบิร์กและคณะกรรมการ Facebook จำเป็นต้องรับฟังผู้ถือหุ้นของบริษัทด้วย และความเย่อหยิ่งไม่สามารถมาแทนที่การกำกับดูแลกิจการที่ดีได้" ที่มา - Bussiness Insider Topics: Mark ZuckerbergFacebook