"เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ" เพิ่มทุน 200 ล้านหุ้นขายนักลงทุนไต้หวัน ขึ้นแท่นบจ. 3 ตลาดคือไทย เยอรมัน และไต้หวัน ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) วันที่ 8 ต.ค.2557 มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจากทุนจดทะเบียนเดิม 4,439.10 ล้านบาท พาร์ 1 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 4,639.10 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่ 200 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปในประเทศไต้หวัน เป็น Taiwan Depository Receipts (TDR) ราคาขายต่อหุ้นมาจากการบุ๊ค บิวดิ้ง (Book Building) และไม่ต่ำกว่า 6.37 บาท ทั้งนี้ จะเปิดจองซื้อและชำระค่าหุ้น ภายหลังจากตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันอนุมัติ วัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนให้กับบริษัท, ซื้อเหมืองและลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของเหมือง และใช้คืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ยังทำให้โครงสร้างเงินทุนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น "หลังจากคณะกรรมการมีมติเพิ่มทุนแล้ว บริษัทจะต้องนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 14 พ.ย.2557 จากนั้นจะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานก.ล.ต.ของไทย และเมื่อได้รับอนุญาตจะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานก.ล.ต.ที่ไต้หวัน คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันได้ในไตรมาส 1 ปีหน้า และจะทำให้บริษัทมีหุ้นจดทะเบียนในตลาดหุ้น 3 ตลาด คือตลาดหุ้นไทย เยอรมัน และไต้หวัน" นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) กล่าว นายขจรพงศ์ กล่าวต่อว่า เงินจากการระดมครั้งนี้ หลักๆ จะนำมาใช้หมุนเวียนในกิจการ รวมไปถึงการซื้อเหมือง และยอมรับว่าในการซื้อเหมือง 1 เหมืองต้องใช้เงินทุนค่อนข้างมาก แต่เชื่อว่าบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนเข้ามาสนับสนุนการซื้อเหมืองได้ตามแผน โดยบริษัทจะมีเงินจากการใช้สิทธิแปลงวอร์แรนท์เข้ามาบางส่วน รวมถึงเงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ นอกจากนี้บริษัทสามารถกู้สถาบันการเงินได้ สำหรับความคืบหน้าในการซื้อเหมืองในประเทศอินโดนีเซีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบปริมาณสำรองถ่านหินของบริษัทพันธมิตร คาดว่า จะตรวจสอบแล้วเสร็จและสามารถแลกหุ้นกับพันธมิตรได้ภายในปีนี้ หากแลกหุ้นแล้วเสร็จ จะทำให้บริษัทมีเหมืองถ่านหินทั้งสิ้น 2 เหมืองในประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนี้ นายขจรพงศ์ ยังกล่าวถึง ยุทธศาสตร์ 5 ปี 5 เหมือง 5 ประเทศ (2555-2560) ขณะนี้ดำเนินการมาถึงปีที่ 2 แล้ว เชื่อว่าสิ้นปีนี้จะมีเหมือง 2 เหมือง และมีตลาดหลักในการส่งออก 4 ประเทศ คือประเทศไทย จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และประเทศที่ 5 ที่น่าจะเริ่มสร้างตลาดได้ คือ ประเทศไต้หวัน ด้านยอดขาย บริษัทวางเป้าหมายระยะยาว ภายในปี 2560 จะมียอดขายประมาณ 12 ล้านตัน จากการเพิ่มจำนวนเหมืองเพื่อเพิ่มปริมาณสำรองถ่านหิน และขยายตลาดส่งออกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในปี 2557 คาดว่าจะมียอดขาย 9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1 ล้านตันจากปีที่แล้ว และในปี 2558 มีเป้าหมายเพิ่มยอดขายอีก 1 ล้านตัน เป็น 10 ล้านตัน ขณะเดียวกัน ตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ให้ต่ำกว่าในอดีต โดยสิ้นไตรมาส 2/2557 มีอัตรากำไรสุทธิที่ 8% ในส่วนของรายได้รวม เชื่อว่าจะมีการเติบโตเช่นเดียวกับยอดขาย อย่างไรก็ตาม รายได้รวมจะผันผวนตามราคาขายถ่านหินเช่นกัน ทั้งนี้ ประเมินว่าภาพรวมราคาถ่านหินในปีนี้ น่าจะทรงตัวอยู่ที่ 65 ดอลลาร์ต่อตัน และปี 2558 ราคาถ่านหินน่าจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 65-68 ดอลลาร์ต่อตัน และในปี 2560 บริษัทประเมินราคาถ่านหินไว้ที่ 75 ดอลลาร์ต่อตัน "ภาพรวมตลาดถ่านหินเชื่อว่าราคาได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการสำรองปริมาณถ่านหิน จึงเป็นโอกาสดีที่บริษัทจะเร่งซื้อเหมืองด้วยการสวอปหุ้นให้แล้วเสร็จ ในฝั่งของซัพพลายในตลาดโลก มองว่าจะเทมาที่ประเทศอินโดนีเซียมากขึ้นหลังจากทางการอินเดียไม่ต่อใบอนุญาตเหมืองถ่านหินในอินเดียจำนวนมาก ซึ่งประเทศอินเดียเป็นผู้ผลิตถ่านหินอันดับ 2 ของโลก เมื่อซัพพลายลดลง แต่ดีมานด์เท่าเดิม บริษัทเชื่อว่าได้รับอานิสงส์อย่างมาก" Tags : เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ • ตลาดหุ้น • บริษัทจดทะเบียน • ไทย • เยอรมัน • ไต้หวัน