"ปตท." ยอมรับไตรมาส 3 ปีนี้ รายได้ลด เหตุน้ำมันดิบราคาตกต่อเนื่อง เตรียมออกแผนลงทุนปีหน้า เน้น "ซีแอลเอ็มวี" นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ไตรมาส 3 ปี 2557 จะลดลงเมื่อเทียบจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 3 ปีนี้ ที่ปรับตัวลดลงอยู่ที่ประมาณ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 100 ดอลลาร์ต่อบาเรล ประกอบกับการขาดทุนจากการสำรองน้ำมัน (สต็อกลอส) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจโรงกลั่นเป็นหลัก นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังมีทิศทางที่ชะลอตัวลง ทำให้ยอดการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง ทำให้ราคาสินค้าพลาสติกและโพลีเมอร์ได้รับผลกระทบไปด้วย นายสุรงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนลงทุนปี 2558 บริษัทเตรียมสรุปและเปิดเผยในเดือนหน้า เบื้องต้นบริษัทจะเน้นขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ "ซีแอลเอ็มวี" หลังเริ่มเข้าไปลงทุนอย่างจริงจังเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่เน้นการลงทุนในระดับโลกเป็นหลัก สำหรับธุรกิจที่จะลงทุนเพิ่ม บริษัทจะลงทุนทั้งธุรกิจน้ำมันและธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน โดยบริษัทจะเน้นด้านธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมันมากยิ่งขึ้น อาทิ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี พลาสติก โพลิเมอร์ นวัตกรรม และกาแฟ แม้ธุรกิจเหล่านี้จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นไม่มาก แต่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคง และยั่งยืนให้บริษัทมากขึ้น สาเหตุที่บริษัทหันมาเน้นการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปีหน้า เพราะเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของประเทศในกลุ่มนี้ อีกทั้งความคุ้นเคยในด้านสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งธุรกิจที่บริษัทจะเข้าไปลงทุน ได้แก่ ธุรกิจพลังงานในพม่า ธุรกิจโรงไฟฟ้าและเขื่อนในลาว ธุรกิจปั๊มน้ำมันในกัมพูชา "การขยายการลงทุนของบริษัทจะเข้าไปทั้งกลุ่มปตท. โดยจะใช้วิธีการควบรวมหรือซื้อธุรกิจที่มีอยู่แล้ว ส่วนการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอื่นในอนาคต อาทิ แถบแอฟริกาคงยังไม่เห็นเร็วๆ นี้ เพราะบุคลากรที่ยังไม่พร้อม และไม่มีความคุ้นเคยในด้านภาษา สังคม และวัฒนธรรม" นายสุรงค์ กล่าว สำหรับนโยบายการปฏิรูปพลังงานของภาครัฐจะกระทบต่อกำไรของบริษัทประมาณ 10% โดยเฉพาะในธุรกิจค้าปลีก แต่บริษัทมองว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเร่งปฏิรูปพลังงาน และจัดระเบียบราคาพลังงานให้สอดคล้องกับราคาตลาดโลก เพราะปัจจุบันราคาพลังงานยังคงตกต่ำอยู่ ซึ่งจะทำให้ผลกระทบมีไม่มาก "บริษัทพร้อมที่สนับสนุนการปฏิรูปพลังงาน เพราะจะช่วยให้ประเทศประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก จากปัจจุบันที่ประเทศไทยนำเข้าพลังงานถึง 70% ส่วนน้ำมันนำเข้าถึง 90% ทำให้ประเทศต้องเสียรายได้ถึง 20% ของจีดีพี ดังนั้นควรเร่งจัดแผนเกี่ยวกับพลังงานใหม่ อีกทั้งปัจจุบันแก๊สในอ่าวไทยก็เหลือน้อยมาก นอกจากนี้ยังมีปัญหาทั้งในด้านของวัตถุดิบ แรงงาน และเทคโนโลยีที่ต้องเร่งแก้ปัญหาอีกด้วย" นายสุรงค์ กล่าว ด้านแผนนำหุ้นของบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยังคงเป็นไปตามแผนเดิม นอกจากนี้บริษัทมีแผนลดสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า และเตรียมลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ที่ทางบริษัทได้ถือหุ้นอยู่ 27.22% อีกด้วย แต่ทั้งนี้บริษัทคงต้องรอให้แนวโน้มราคาพลังงานกลับมาฟื้นตัวก่อน จากราคาพลังงานที่ยังตกต่ำอยู่ในปัจจุบัน Tags : สุรงค์ บูลกุล • ปตท. • น้ำมัน • กำไร