รีวิว Redmi Note 7 จาก Xiaomi อัดกล้องหลังมา 48 ล้าน แบตอึด ราคาไม่เกิน 7,000

หัวข้อกระทู้ ใน 'เทคโนโลยี' เริ่มโพสต์โดย iPokz, 1 พฤษภาคม 2019.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    Redmi Note 7 สมาร์ทโฟนภายใต้แบรนด์ Redmi แบรนด์ลูกของ Xiaomi ยังคงคอนเซปต์ราคาจับต้องได้และอัดสเปกเกินราคา คือกล้องหลัง 48 ล้านพิกเซลและแบตเตอรี่ 4,000 mAh และชิปเซ็ต Snapdragon 660 ในราคาเริ่มต้น 4,999 บาท ราคาจะสูงขึ้นตามแรมและหน่วยความจำที่ให้มาคือ

    • แรม 3 GB + หน่วยความจำ 32 GB ราคา 4,999 บาท
    • แรม 4 GB + หน่วยความจำ 64 GB ราคา 6,599 บาท (รุ่นนี้ขายเฉพาะกับ AIS)
    • แรม 4 GB + หน่วยความจำ 128 GB ราคา 6,799 บาท

    เครื่องที่ Blognone ได้มีโอกาสรีวิวเครื่องรุ่นกลางแรม 4 GB + หน่วยความจำ 64 GB

    [​IMG]

    Redmi Note 7 มีสเปกที่คล้าย Xiaomi Mi 8 Lite และมีราคาใกล้เคียงกันด้วย คือใช้ชิปเซ็ตตัวเดียวกัน ขนาดหน้าจอเท่ากัน แต่ Redmi Note 7 โชว์เหนือกว่าคืออัดกล้องมา 48 ล้านพิกเซลและแบตเตอรี่อึดกว่า

    Redmi Note 7 มีการโฆษณาจุดเด่นที่ความทนทานระดับที่ Lu Weibing , ผู้บริหารใน Xiaomi ทำคลิปทดสอบความทนของ Redmi Note 7 ให้ดูด้วยการใช้ Redmi Note 7 ทุบเปลือกวอลนัท ใช้แทนรองเท้าสเก็ต กระโดดเหยียบ กลิ้งลงจากบันได ใช้เป็นเขียงหั่นผลไม้ ใช้ทุบแตงโม และทุ่มด้วยทุเรียน แต่ Blognone ไม่มีความกล้าหาญพอจะทดสอบหนักขนาดนั้น


    สเปคเครื่อง

    • ขนาด 159.21 x 75.21 x 8.1 mm
    • น้ำหนัก 186g
    • หน่วยประมวลผล Qualcomm SD660, Octa-core สัญญาณนาฬิกาสูงสุด 2.2GHz
    • ระบบปฎิบัติการ Android 9.0
    • ขนาดจอแสดงผล 6.3"
    • ความละเอียด 2340x1080 FHD+, 409 PPI แบบ IPS
    • กล้องหลัง 48MP + 5MP
    • กล้องหน้า 13MP
    • RAM 4GB
    • หน่วยความจำตัวเครื่อง 64GB รองรับความจำเพิ่มได้สูงสุด 512GB
    • ช่องใส่ซิมการ์ด Nano SIM สองช่อง
    • Wi-Fi 802.11 b/g/n/ac
    • Bluetooth 5.0
    • ความจุแบตเตอรี 4000mAh รองรับชาร์จเร็ว 18W
    รูปลักษณ์ ตำแหน่งปุ่ม พอร์ท


    เข้าเรื่องที่รูปร่างหน้าตาตัวเครื่องคือคนเกลียดรอยแหว่งบนหน้าจอคงดีใจ เพราะ Redmi Note 7 ไม่มีรอยแหว่งสี่เหลี่ยมใหญ่บนหน้าจอเหมือนใน Note 6 แล้ว แต่เป็นติ่งหยดน้ำแทน พื้นที่หน้าจอให้มาเยอะกว่า Note 6 แต่ขอบจอยังคงมีความหนาอยู่มาก

    ขนาดหน้าจอค่อนข้างใหญ่ 6.3 นิ้ว บอดี้เป็นกระจกจกโค้ง 2.5D และ Corning Gorilla Glass 5 ซึ่งสีส่วนตัวมองว่าสวยคือสีน้ำเงิน แต่เครื่องรีวิวที่ได้รับมาจาก Xiaomi เป็นสีดำ

    [​IMG]

    ด้านหลังเครื่องเป็นกล้องคู่ เลนส์ตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, รูรับแสง f/1.8 ใช้เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL Bright GM1 ขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน ส่วนเลนส์อีกตัวมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีเซ็นเซอร์วัดความลึก พอร์ทประกอบด้วย USB Type-C, มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง ด้านขวาของเครื่องเป็นปุ่ม เปิด ปิด และปุ่มเพิ่มลดเสียง ส่วนช่องใส่ซิมอยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    กล้องถ่ายภาพ


    กล้องถ่ายภาพของ Redmi Note 7 มีโหมดต่างๆ ตามที่กล้องมือถือสมัยนี้พึงมี ได้แก่ โหมดกล้องธรรมดา, Portrait, Night, Square, Panorama และ Pro และที่น่าสนใจคือ มีโหมด Short Video ถ่ายวิดีโอสั้น 14 วินาที แยกจากโหมดถ่ายวิดีโอปกติ เหมาะสำหรับการถ่ายปุ๊บเอาคลิปไปลงสตอรี่ในโซเชียลต่อได้เลย

    [​IMG]
    ในกล้องโหมดวิดีโอ มีลูกเล่นที่กำลังนิยมคือ Time Lapse และ Slow Motion ด้วย
    [​IMG]

    อย่างไรก็ตาม ความละเอียดของกล้อง 48 ล้านพิกเซลที่เป็นหนึ่งในจุดขายของ Redmi Note 7 นั้นจะมีให้เฉพาะการถ่ายรูปโหมดโปรเท่านั้น โดยจะเห็นตัวเลข 48MP ตามรูปภาพด้านล่าง ส่วนความละเอียดในโหมดอื่นตั้งไว้ที่ 12 ล้านพิกเซลเป็นค่าดีฟอลต์

    [​IMG][​IMG][​IMG]
    เมื่อลองใช้ถ่ายรูปโหมดโปรสลับกับกล้องธรรมดา เปิดกล้องโหมด Photo กับเปิดโหมด AI คู่กันก็ได้ภาพสีสดขึ้น
    [​IMG]
    ซ้ายเป็นรูปถ่ายโหมด AI ขวาเป็นรูปถ่ายโหมด PRO เปิดออโต้

    ส่วนตัวชอบโหมด AI เพราะให้ความรู้สึกเหมือนถ่ายจากกล้องมือถือราคาแพง ส่วนโหมดโปรที่กล้องความละเอียด 48 ล้านพิกเซลนั้น ส่วนตัวมองว่ายังถ่ายยากและไม่ใช่คนรู้ทฤษฎีถ่ายภาพ จึงคิดว่าแค่กล้องธรรมดา 12 ล้านพิกเซล เปิดโหมด AI ควบคู่ด้วยกันก็เอาอยู่แล้ว

    โหมด AI ของกล้อง Redmi Note 7 สามารถจับภาพกลางคืนได้ด้วย เมื่อยกกล้องขึ้นจะถ่ายภาพ ระบบจะเรียนรู้ว่าเป็นภาพแสงน้อยและถ่ายออกมา แต่กล้องก็มาพร้อมปุ่มถ่ายภาพกลางคืนด้วยเช่นกัน ซึ่งให้ผลที่ดีกว่ามากให้ AI ช่วยถ่าย แนะนำว่าถ้าจะถ่ายภาพกลางคืน ก็กดปุ่มโหมด Night ถ่ายเลยดีกว่า
    [​IMG]
    โหมด AI ถ่ายกลางคืน
    [​IMG]
    ปุ่ม Night ถ่ายกลางคืน
    [​IMG]
    โหมด AI ถ่ายกลางคืน
    [​IMG]
    ปุ่ม Night ถ่ายกลางคืน

    เมื่อลองถ่ายโหมด Portrait ก็พบว่ากล้องทำได้ดี สู้กล้องราคาแพงได้ เพียงแต่ไม่ได้มีลูกเล่น เอฟเฟกต์เหมือนอย่างที่มือถือเดี๋ยวนี้มักจะมีกัน จากภาพข้างล่างจะเห็นได้ว่าหน้าดำนิดหน่อยเมื่อเทียบกับกล้อง Galaxy S10

    [​IMG]
    ซ้าย ถ่ายโหมด Portrait จาก Redmi Note 7 กับขวา Samsung Galaxy S10

    UI กับ Performance เครื่อง


    Redmi Note 7 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ครอบทับด้วย MIUI 10 ซึ่งเป็น UI ล่าสุดของ Xiaomi ด้วยความที่เป็นหน้าจอเต็มพื้นที่ และจะมองไม่เห็นปุ่มโฮม วิธีการนำทางแอพเมื่อต้องการกลับไปยังหน้าก่อนหน้าคือ ปัดขึ้นจากด้านล่างไปด้านบน เมื่อปัดจากล่างและเบี่ยงไปทางซ้ายเล็กน้อย ผู้ใช้จะสามารถกลับไปเลือกแอพที่เข้าค้างไว้ก่อนหน้าได้ และถ้าเลือกปัดจากล่างและเบี่ยงไปทางขวาก็จะกลายเป็นกลับหน้าโฮม ส่วนตัวรู้สึกว่าใช้งานไม่ยาก แต่ถ้าจะเปลี่ยนมาใช้ UI ประเภทนี้ก็คงต้องปรับตัวพอสมควร
    แทรกรูป UI [​IMG]

    [​IMG]
    Redmi Note 7 มีแป้นสแกนนิ้วอยู่ด้านหลังเครื่อง และสามารถสแกนใบหน้าเข้าเครื่องได้ ซึ่งมันก็ทำหน้าที่ได้ดี เสถียร สแกนเข้าเครื่องได้ไวมากโดยเฉพาะสแกนใบหน้า แม้ต้องกดปุ่มข้างเครื่องก่อนจะยกจ่อใบหน้าถึงจะเข้าเครื่องได้ ส่วนประเด็นโฆษณาที่มักเด้งมาตอนใช้งาน MIUI 10 ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันนั้น จากการใช้งานไม่ได้พบโฆษณาแต่อย่างใด อาจเป็นผลจากการที่ Xiaomi บอกจะลดการแสดงผลโฆษณาที่น่ารำคาญบน MIUI ลง
    ด้านการใช้งานแบตเตอรี่ 4,000 mAh นั้น ถ้าใช้งานระดับธรรมดา หรือถ้ามีเล่นเกมบ้างก็เรียกได้ว่า ลืมพาวเวอร์แบงค์ไปได้เลย ส่วนตัวลองใช้งานเรื่อยๆ หยิบขึ้นมาถ่ายรูปบ้าง เล่นเกมบ้าง 1-2 ครั้งต่อวัน ก็ไม่เห็นว่าแบตเตอรี่ลดลงมาต่ำกว่าครึ่งหลอด ซึ่งจากการทดสอบแบตเตอรี่โดย SmartViser ผู้ทดสอบความทนของแบตเตอรี่ในอุปกรณ์ต่างๆ ให้คะแนน Redmi Note 7 ที่ 108h ใช้คุยต่อเนื่องผ่าน 3G ได้ 32.35 ชม., ท่องเว็บ 14.04 ชม., เล่นวิดีโอ 14.12 ชม.

    Blognone ลองใช้ Geekbench 4 ทดสอบความสามารถแบตเตอรี่

    • Samsung Galaxy Note 8 คะแนน 5000
    • Xiaomi Redmi Note 7 คะแนน 4886
    • OnePlus 5 คะแนน 4196
    • Samsung Galaxy S8 คะแนน 3940
    • Samsung Galaxy S7 คะแนน 2880
    • HTC10 คะแนน 2790

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นมือถือราคากลางๆ จึงไม่มีความสามารถชาร์จเร็ว ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการใช้งานแบตเตอรี่ แบตมือถือกว่าจะหมดนั้นใช้เวลานานก็จริง แต่การชาร์จก็ใช้เวลานานเช่นกัน กว่าจะขึ้นมาได้สัก 30-40% ใช้เวลา 30 นาที

    เว็บไซต์ GSMARENA ได้ทำการทดสอบเบนช์มาร์คด้านต่างๆ โดยเทียบกับสมาร์ทโฟนในรุ่นและราคาไล่เลี่ยกัน ได้ผลดังนี้

    • GeekBench 4.1 ทดสอบ multi-core
    • Xiaomi Mi 8 Lite คะแนน 5894
    • Honor 8X คะแนน 5651
    • Realme 2 Pro คะแนน 5531
    • Xiaomi Redmi Note 7 คะแนน 5411
    • Motorola One (P30 Play) คะแนน 4183
    • Samsung Galaxy A6 (2018) คะแนน 3718

    GeekBench 4.1 ทดสอบ single-core

    • Xiaomi Redmi Note 7 คะแนน 1650
    • Xiaomi Mi 8 Lite คะแนน 1628
    • Honor 8X คะแนน 1618
    • Realme 2 Pro คะแนน 1462
    • Motorola One (P30 Play) คะแนน 867
    • Samsung Galaxy A6 (2018) คะแนน 733

    AnTuTu 7

    • Xiaomi Mi 8 Lite คะแนน 143257
    • Xiaomi Redmi Note 7 คะแนน 139075
    • Honor 8X คะแนน 137276
    • Realme 2 Pro คะแนน 132958
    • Motorola One (P30 Play) คะแนน 81024
    • Samsung Galaxy A6 (2018) คะแนน 63632
    สรุป


    สำหรับคนที่เพลียกับความแพงของมือถือไฮเอนด์ แต่อยากใช้บางฟีเจอร์ที่สู้ไฮเอนด์ได้ Redmi Note 7 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี มีคุณสมบัติครบ คือ กล้องดี แบตอึด แต่อาจต้องทำความคุ้นเคยกับ UI นานหน่อยสำหรับคนที่เพิ่งมาใช้ MIUI

    Xiaomi ไม่ใช่เจ้าเดียวที่พยายามตีตลาดมือถือราคากลาง ยังมี Huawei, Honor, Samsung, Realme ให้เลือก และมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป เช่น เทียบ Redmi Note 7 กับ Realme 2 Pro ที่ฮาร์ดแวร์ใกล้เคียงกัน และราคาก็แทบจะเท่ากันคือ 6,590 บาท ดีไซน์ก็คล้ายกันมากด้วย แต่ Redmi แบตอึดกว่า ในขณะที่ Realme กล้องถ่ายวิดีโอ 4K ได้ มีลูกเล่นสติกเกอร์ AR ในกล้องหน้า เป็นต้น

    สิ่งที่คิดว่าเป็นข้อด้อยของ Redmi Note 7 คือ ไม่รองรับถ่ายวิดีโอ 4K และไม่มี NFC ทั้งที่ชิปเซ็ตรองรับสามารถทำได้ และไมมีฟีเตอร์ชาร์จเร็วซึ่งส่วนตัวมองว่าสำคัญมากสำหรับการใช้งานมือถือในปัจจุบัน

    Topics: RedmiXiaomiReview
     

แบ่งปันหน้านี้