เมย์แบงก์คาดมูลค่าการซื้อขายปีนี้เฉลี่ยยืน 4 หมื่นล้านบาท หลังไตรมาส 3 ฟื้น จากปัญหาการเมืองยุติ นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพของธุรกิจโบรกเกอร์ในไตรมาสที่ 4 มีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากมูลค่าการซื้อขายต่อวันปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 40,000 ล้านบาท ช่วยให้มูลค่าการซื้อขายทั้งปียืนอยู่ที่ระดับ 4 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้นจากต้นปีที่ 3 หมื่นล้านบาท "บรรยากาศการเมืองนิ่ง ทำให้มูลค่าการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4 หมื่นล้านบาทต่อวันได้ เพิ่มขึ้นจาก 6 เดือนแรกที่ 3 หมื่นล้านบาท นับว่าเป็นตัวช่วยให้อุตสาหกรรมฟื้นตัว จากการประเมินคาดว่าภาพของเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวจะมีส่วนช่วยให้มูลค่าการซื้อขายของปี 2558 จะกลับขึ้นไประดับ 5 หมื่นล้านบาทได้" บล.เมย์แบงก์มีส่วนแบ่ง ทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) อยู่ที่ 10 -12 % เป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม บริษัทตั้งเป้าหมายจะรักษาส่วนแบ่งระดับดังกล่าวให้ได้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ซึ่งหลังจากนี้จะเน้นนักลงทุนสถาบันมากขึ้น เพราะบริษัทมองว่ามีศักยภาพในการทำตลาดดังกล่าว จากความพร้อมในด้านคุณภาพการให้บริการ โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 12 % จากเดิม 10 % และส่วนแบ่งจากนักลงทุนสถาบันต่างชาติ อยู่ที่ 1.6 % อย่างไรก็ตามการแข่งขันในธุรกิจโบรกเกอร์ยังมีอยู่ แต่เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีจากการแข่งขันด้านคุณภาพมากขึ้นทั้งบริษัทหลักทรัพย์น้องใหม่และรายเดิมไม่แข่งลดราคาค่าคอมมิชชั่น ส่วนวาณิชธนกิจบริษัทยังมีแผนการขยายต่อเนื่อง ภายในสิ้นปีนี้จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 2 บริษัท และมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในปี 2558 อีก 6 บริษัท สำหรับความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในระยะที่ผ่านมา การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยเป็นปัจจัยเฉพาะตัว และเป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อหุ้น รวมถึงกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือแอลทีเอฟ เนื่องจากภาพของเศรษฐกิจไทยอยู่ในจุดต่ำสุด และมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นชัดเจน ทั้งในไตรมาสที่ 4 ต่อเนื่องถึงปี 2558 ซึ่งบล.ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 1,600 จุด ในสิ้นปีนี้ และ 1,650 จุด ในปีหน้าได้ นายมนตรี กล่าวว่า อย่างไรก็ตามสำหรับความเป็นห่วงในเรื่องฟองสบู่ตลาดหุ้นนั้น โดยส่วนตัวยังไม่เห็นสัญญาณดังกล่าว หากพิจารณา ราคาปิดกำไรต่อหุ้น (พี/อี) ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 15 เท่า และจากการประมาณการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีหน้าทำให้ระดับ พี/อี ลดลงมาเหลือ 14 เท่า เมื่อเทียบกับในอดีตที่มีวิกฤติเศรษฐกิจ ที่มีระดับพี/อี 20 เท่า ถือว่ายังห่างไกลฟองสบู่ นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานกรรมการบริหาร บล. แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาถือว่าน่าพอใจ โดยบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ใน 15 อันดับแรก เป้าหมายในปีนี้ บริษัทต้องการมีมาร์เก็ตแชร์ติด 1 ใน 10 อันดับแรกให้ได้ในปีนี้ โดยบริษัทมีจำนวนบัญชีการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 1 หมื่นบัญชี และตั้งใจจะเพิ่มให้เป็น 1.5 หมื่นบัญชีในปี 2558 กลยุทธ์ในการเพิ่มจำนวนบัญชีนั้นจะมาจากการใช้เจ้าหน้าที่การตลาดที่มีอยู่ 400 คน ซึ่งล้วนแต่มีคุณภาพในการหาลูกค้าเข้ามาเพิ่มขึ้น ส่วนวาณิชธนกิจ ยังถือว่าเป็นอีกขาหนึ่งของธุรกิจที่บริษัทให้ความสำคัญ โดยปัจจุบันมี 2 ทีมงาน ในการหาบริษัทเข้าทำการจดทะเบียน โดยในปีนี้จะมี 2 บริษัทที่จะเข้าทำการซื้อขายในปีนี้ และเตรียมยื่นไฟลิ่งในปีหน้าอีก 5-6 บริษัท ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รายงานว่า ส่วนแบ่งมูลค่าการซื้อขายของบริษัทหลักทรัพย์ในไตรมาสที่ 3 ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มีส่วนแบ่ง 11.27 % บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย และแมคควอรีกรุ๊ป มีส่วนแบ่ง 6.05 % บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) มีส่วนแบ่ง 5.61 % บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส มีส่วนแบ่ง 4.98 % และบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง มีส่วนแบ่ง 4.92 % Tags : มนตรี ศรไพศาล • บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง • กลุ่มหลักทรัพย์ • มูลค่าซื้อขาย