'โป๊งเหน่ง' พร้อมครอบครัว โต้ ทิ้งแม่ เผยออกจากบ้านหนีไปอยู่วัดเอง ยันภรรยาไม่มีปัญหากับแม่ ยินดีช่วยเหลือค่าใช้จ่าย แจงรูปมดขึ้นแผลของแม่ในเฟซบุ๊กถูกคนเอาน้ำผึ้งมาทา กลายเป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้งสำหรับ "โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม" ที่จู่ ๆ ก็มีคนโพสต์ภาพแม่ของโป๊งเหน่งที่มีแผลในลักษณะที่โดนมดกัด แถมยังเม้าท์อีกว่าที่แม่ของโป๊งเหน่งหนีออกจากบ้าน เป็นเพราะมีปัญหากับภรรยาจนโดยคนตราหน้าว่าเห็นภรรยาดีกว่าแม่บังเกิดเกล้า งานนี้เจอตัวหนุ่มโป๊งเหน่งพร้อมทั้งครอบครัวที่มาร่วมงานเปิดตัวช่อง 2 ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ โดยโป๊งเหน่งเผยว่า "คือตอนนี้ในโลกของโซเชียลเน็ตเวิร์คเค้าไปลง ซึ่งอย่าพูดว่าผมแก้ตัวแต่บางครั้งก็ต้องพูดบ้าง แต่ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณคนที่ไลน์มาให้กำลังใจ แต่บางคนที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางก็จะมีไลน์มาด่าบ้าง อันนี้ก็ไม่เป็นไรครับผมไม่ได้โกรธ เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์และเราก็เป็นคนของสังคม เรื่องอดีตเราจะไม่พูดถึงแล้ว เอาสาเหตุที่เกิดเรื่องอีกครั้งแล้วกัน คือว่าหลังจากที่ผมไปรับแม่มาแล้ว ท่านอยู่ได้ประมาณเดือนกว่า ๆ หลังจากนั้นคุณแม่ก็รับไม่ได้อยู่ไม่ได้ สาเหตุมาจากเพราะแกหนาวและไม่มีความผูกพันกับครอบครัวผม เพราะเค้าไม่เคยเลี้ยงลูกผม ไม่เคยดูแลใกล้ชิดกัน พอเป็นยังงั้นแกก็บ่นเหงา พอเหงาก็เบื่อแกเลยหนีออกไป ผมก็ไปตามสรุปว่าท่านก็กลับไปที่เก่าที่วัดพระยาสุเรนทร์ ในเมื่อไปตามให้กลับบ้านก็ไม่กลับ เลยต้องพึ่งหลวงพ่อโสที่เป็นเจ้าอาวาสวัดที่นั่น ก็ไปเล่าให้หลวงพ่อท่านฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง บางทีผมกับภรรยาไปทำงาน ลูกไปเรียนก็ไม่มีใครอยู่บ้าน คุณแม่ก็เปิดบ้านทิ้งไว้สองสามทุ่มก็ยังไม่กลับ ก็ไม่รู้จะทำยังไง หลวงพ่อเลยบอกว่าถ้าคุณแม่อยากมาอยู่ที่วัด เดี๋ยวท่านจะดูแลให้เอง ฟังนะครับ หลวงพ่อจัดการดูแลให้เอง ผมก็ถามว่าจะดีหรอครับ พาเค้าไปอยู่บ้านพักคนชราบางแคดีมั้ย แล้วบ้านพักไม่ใช่จะติดต่อเข้ากันได้ง่าย ๆ แต่ผมก็ได้รับความเมตตากรุณาจากบ้านบางแคสอง เค้าก็บอกว่าจะลัดคิวให้ ผมก็พารถตู้มารับแม่อย่างดีเลยครับ สรุปแม่ไม่ไปก็ถามว่าจะทำยังไง แม่บอกว่าขออยู่ที่วัด หลวงพ่อก็บอกให้เราไปทำงานไม่ต้องเป็นห่วงท่านจะดูแลเอง จากวันนั้นจนถึงวันนี้ที่เป็นข่าวฮือฮาท่านก็อยู่วัดมาประมาณ 6-7 เดือน เกือบปีได้ครับ ปัญหาอะไรก็ไม่เคยเกิด ผมไปบ้าง ลูกผมไปบ้าง ล่าสุดวันแม่ภรรยาผมเป็นคนบังคับเพราะว่าผมทำงานจนลืมวันแม่บอกให้ไปกราบเท้าแม่ ผมมีรูปถ่ายไว้เป็นหลักฐานเพราะเชื่อว่าวันนึงจะต้องเกิดเรื่องอีก แล้วการที่เราจะไปเยี่ยมแม่เราต้องไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านเค้ารับรู้หรอครับว่าเราไปเยี่ยมแม่ มันก็ไม่ได้จำเป็นไม่ใช่เรื่อง" เมื่อถามถึงรูปที่ถูกแชร์ต่อในโลกโซเชียลที่แผลของคุณแม่มีอาการเน่าแถมถูกมดกัดนั้น โป๊งเหน่งชี้แจงว่า "ก่อนหน้านี้สามวันแม่ผมเกิดล้มในห้องน้ำต้องผ่าเข่า ทีนี้การผ่าเข่าที่โรงพยาบาลเค้าจะไม่ทำถ้าไม่มีญาติมาเซ็นนะครับ หลวงพ่อโทรหาผมภรรยารับโทรศัพท์บอกรู้แล้วเดี๋ยวจะตามผมกลับมา หลวงพ่อเลยตัดสินใจด้วยตัวเองเพราะเห็นว่าสนิทกันแล้วเลย พอผ่าเสร็จปั๊บก็ต้องไปพักฟื้นที่วัด ในระหว่างที่แกอยู่ก็มีคนดูแลชื่อน้องแอน เป็นหลานของหลวงพ่อ น้องแอนจะคอยจัดการดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง ทีนี้คนแก่นอนมาก ๆ ก็จะเกิดอาการแผลกดทับ เพราะแกไม่ดูแลตัวเอง ทั้งฉี่หรืออุจจาระก็ไม่สามารถลุกได้ ก็ต้องให้น้องแอนดูแลตลอด ลูกชายไปหรือฝากตังค์ก็เจอน้องแอน แต่ว่าทำไมต้องป่าวประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าผมไปเยี่ยมหรือนำตังค์ไปให้ท่านแล้วนะ มันไม่ใช่ที่จะต้องไปบอกสังคม ทีนี้สามวันที่ผมไม่ได้กลับมา มีอนามัยอยู่ข้าง ๆ วัด หลวงพ่อก็บอกให้เค้ามาทำแผลให้คุณแม่หน่อย ผมก็ไม่เข้าใจว่าเค้าชอบหรือเกลียดผม เค้าก็โทรมาภรรยาผมรับ เค้าก็ถามว่าทำไมไม่มาดูคุณแม่ แต่น้องแอนมาบอกว่ามีคนมาถ่ายรูปคุณแม่ไป คนผ่าตัดแผลมันสดและเป็นเบาหวาน คือถ้าล้างแผล ทำแผลมันก็ไม่น่ากลัวหรอกครับ แต่มาแหกแผลแม่ผมแล้วถ่ายรูปแบบเฟะ ๆ และเอาไปลงเฟซบุ๊ก มดจะไม่ขึ้นได้ไง หมอโบร่ำโบราณที่ไหนไม่รู้เอาน้ำผึ้งผสมวาสลีนมาทา บอกแผลจะได้ไม่แข็ง น้ำผึ้งนะครับ มดมันก็ต้องขึ้นสิครับ แล้วก็มาถ่ายรูปจนทุกคนได้เห็นกันครับ หลังจากการรักษาผมเพิ่งกลับจากเยี่ยมคุณแม่เมื่อวานครับกับลูกชายก็เกิดเรื่องพอดี ผมไปถึงวัดสองทุ่มแม่หลับแล้วเจ้าอาวาสท่านนั่งรออยู่ผมเลยเข้าไปคุย ท่านบอกว่าตอนนี้ที่สำคัญคือแม่ผมต้องการคนดูแล ฉี่หรืออุจจาระเองไม่ได้ แต่แอนที่ให้ดูแลก็ทำได้แค่ตอนกลางวันเพราะเค้ามีลูกและสามีที่ต้องดูแล เราจะต้องหาคนมาดูแล ตอนนี้หลวงพ่อก็จัดการแล้วแต่บอกว่าค่าใช้จ่ายผมต้องเป็นคนจัดการ ผมบอกว่าเค้าจะคิดเท่าไรผมไม่รู้ แต่ผมก็ช่วยไปหนึ่งหมื่นต่อเดือน หลวงพ่อรับผิดชอบคนเฝ้ากลางวัน ผมรับผิดชอบคนเฝ้ากลางคืน เพราะเค้าต้องนอนดูแลแม่ผม ล่าสุดคิดว่ามีคนอยากช่วยอีกแล้วไม่แน่ใจว่าเป็นกระทรวงอะไร เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ ด้วยความที่เห็นในเฟซบุ๊กก็อยากช่วยเหลือเลยมารับแม่ผมไป หลวงพ่อท่านโทรหาผมว่าใครมาขโมยแม่ผมไป โทรไปหลวงพ่อบอกเมื่อเช้าโทรหาผมแล้วแต่ไม่รับสาย ผมเลยถามลวงพ่อว่าเรื่องราวเป็นยังไง ท่านบอกว่าลูกศิษย์ท่านเองจะขอนำไปดูแลรักษา ผมก็ถามว่ารักษายังไง ตอนนี้หลวงพ่อก็บอกให้รอเรื่องราวทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ ถามว่ารู้สึกยังไงบ้างผมบอกเลยนะ ผมเหวอทั้งวัน ถ่ายละครทำอะไรก็ไม่มีสมาธิ เราก็มาคิดกับตัวเองว่าทำไมถึงเกิดขึ้นอีกแล้ว ผมยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งแม่ ถ้าไม่เชื่อก็ให้ไปถามหลวงพ่อโสดูแล้วกัน กับเรื่องที่ว่าเป็นเพราะมีปัญหากับภรรยาผมนั่น ภรรยาโป๊งเหน่งยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ตอนที่พยาบาลโทรมาถามว่าทำไมไม่มีคนไปดูแลคุณแม่ตอนป่วยเลย เราก็บอกว่าเรากับลูกไปมาแล้ว แต่เค้าก็บอกว่าไม่เห็นมีใครมาเยี่ยม แล้วบอกว่าต้องมีคนดูแลและมีค่าใช้จ่าย ก็เลยถามว่าต้องใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไร แต่คนกลับเอาไปแปลว่าภรรยาไม่พอใจเลยเอาเงินฟาดหัว ทางฝั่งนั้นเค้าก็บอกว่าจะเรียกร้องเงินจำนวนหมื่นห้า ก็เลยบอกว่าขอปรึกษาโป๊งเหน่งเพราะตอนนั้นถ่ายละครอยู่ที่ปากช่อง ยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งและไม่ได้เกลียดแม่สามีแต่อย่างใด"